“บล.พาย” แนะสะสม 21 หุ้น “Domestic” วางกรอบ SET สัปดาห์นี้ 1,600 – 1,650 จุด

“บล.พาย” แนะสะสม 21 หุ้น "Domestic" ได้แก่ BJC, CPALL, HMPRO, BBL, KBANK, SCB, TISCO, TTB, ADVANC, INTUCH, AOT, CENTEL, MINT, SPA, SHR, AP, LH, SPALI, MAJOR, BGRIM และ GPSC วางกรอบ SET สัปดาห์นี้ 1,600 – 1,650 จุด แนะจับตาเงินเฟ้อไทย


บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ “Pi” ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้น Dow Jones อ่อนตัวลง 1.4% หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการที่ 56.5 สูงกว่าตลาดคาดการณ์ที่ 53.5 ส่งผลให้ตลาดกังวลกับการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปรับลง 3.4% รับแรงกดดันจากการปรับฐานของตลาดหุ้น Dow Jones

สำหรับในคืนวันศุกร์สหรัฐฯ ได้รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ 2.63 แสนรายสูงกว่าตลาดคาดที่ 2 แสนราย พร้อมกับอัตราการว่างงานที่ 3.7% สอดคล้องกับตลาดคาดการณ์ แต่ค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงขยายตัว 0.6% จากเดือนที่ผ่านมา ใส้ในของการจ้างงานพบว่าหากเปรียบเทียบกับเดือน ต.ค. Sector ที่มีการจ้างงานสูงขึ้นได้แก่ ก่อสร้าง ภาคบริการด้านการท่องเที่ยว และภาครัฐบาล ส่วน Sector อื่นๆส่วนใหญ่มีการจ้างงานที่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือน ต.ค. ตัวเลขดังกล่าวถือเป็นตัวสะท้อนว่าแม้การจ้างงานสหรัฐฯจะสูงกว่าตลาดคาดไว้ แต่ใส้ในยังคงดูอ่อนแอ ภายหลังจากการรายงานตัวเลขข้างต้นพบว่า Dollar Index ยังคงอ่อนค่าและทองคำก็มิได้ปรับลงอย่างมีนัยยะสำคัญ

ส่วนความเห็นล่าสุดของ CME FED WATCH ระบุว่า น้ำหนักขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในประชุม ธ.ค. ยังคงอยู่ระดับสูงที่ 78.2% หมายความว่าตลาดมิได้ให้น้ำหนักเท่าใดนักกับตัวเลขภาคแรงงานที่สูงกว่าตลาดคาดไว้ สำหรับการประชุม OPEC+ ที่ประชุมยังคงไม่ได้เพิ่มหรือลดกำลังการผลิตแต่อย่างใด

โดยสัปดาห์นี้ในประเทศแนะติดตามเงินเฟ้อไทยประจำเดือน พ.ย. ซึ่ง Bloomberg คาดที่ 5.9% , 0.2% จากเดือนที่ผ่านมา หากประกาศแล้วต่ำกว่าตลาดคาดหมายไว้จะยิ่งหนุนให้เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง (บวกกับกระแสเงินทุนต่างชาติ) ส่วนต่างประเทศอย่างสหรัฐฯ จะเน้นไปที่ (1) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (ISM) ในวันจันทร์ Bloomberg คาดที่ 53.5, (2) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี Bloomberg คาดที่ 2.3 แสนราย, (3) ดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ Bloomberg คาดที่ 7.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน, 0.2% จากเดือนที่ผ่านมา หากประกาศแล้วต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ไว้ มองเป็นบวกกับตลาดหุ้น ประเมินการเคลื่อนไหวสัปดาห์นี้ที่ 1,600 – 1,650 จุด

ทั้งนี้กลยุทธ์การลงทุนคงคำแนะนำเพิ่มการถือครองเงินสดหลังจากที่ดัชนีตลาดหุ้นโลกปรับขึ้นมารับปัจจัยบวกด้านการผ่อนคลายดอกเบี้ยไปพอสมควร ขณะที่ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยช่วงถัดไปยังเป็นปัจจัยกดดัน ส่วนหุ้นแนะนำยังเน้นที่ Domestic ด้วยการฟื้นตัวของผลประกอบการที่เด่นชัด อาทิ ค้าปลีก ได้แก่ BJC, CPALL, HMPRO ธนาคารพาณิชย์ ได้แก่ BBL, KBANK, SCB, TISCO, TTB สื่อสาร ได้แก่ ADVANC, INTUCH ท่องเที่ยว ได้แก่ AOT, CENTEL, MINT, SPA, SHR อสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ AP, LH, SPALI โรงภาพยนตร์ ได้แก่ MAJOR พร้อมแนะสะสมโรงไฟฟ้ารับกระแสดอกเบี้ยใกล้จุดสูงสุด ได้แก่ BGRIM, GPSC

สำหรับ MAJOR แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 21.40 บาท คาดว่าเรื่อง Avatar: The Way of Water ที่จะเข้าฉายวันที่ 16 ธ.ค. จะมีผู้เข้าชมมากขึ้นหลังจากภาคแรกทำเงินไปได้ 270 ล้านบาททั่วประเทศในปี 2552 ส่วนในปี 2566 คาดว่าตารางภาพยนตร์จะน่าตื่นเต้นมากกว่าปี 2565 และ 2564 เพราะเป็นภาพยนตร์ทำเงินภาคต่อเป็นส่วนมาก ที่มักดึงดูดผู้ชมได้เป็นอย่างดี

ขณะที่ TISCO แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 108 บาท เนื่องจาก (1) งบดุลยืดหยุ่นดี และ (2) อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าดึงดูด สำหรับในระยะสั้นคาดว่า BBL และ TISCO จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 4/65 ที่โตขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน เทียบกับกลุ่มโดยรวมที่คาดว่าจะโตจากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงจากไตรมาสก่อน

Back to top button