PSH ตั้ง “โอเมก้า โลจิสติกส์ แคมปัส” เดินหน้าขยายอสังหา-โลจิสติกส์

PSH ตั้งบริษัทย่อย “โอเมก้า โลจิสติกส์ แคมปัส” ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท เดินหน้าขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และโลจิสติกส์


บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH เปิดเผยว่า บริษัทมีมติอนุมัติการจัดตั้ง CapitaLand SEA Logistics Fund (CSLF) ร่วมกับ Ally Logistic Property (ALP) และ CapitaLand Investment (CLI) โดยบริษัทฯ, ALP และ CLI ได้ร่วมกันเข้าทำกรอบความตกลง (Framework Agreement) เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2565 เพื่อกำหนดเงื่อนไขหลักของความร่วมมือและการร่วมทุน ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การลงทุน การพัฒนา การถือครอง และการเช่าอสังหาริมทรัพย์หรือโครงการด้านโลจิสติกส์ รวมถึงการบริการโลจิสติกส์อัจฉริยะอย่างครอบคลุมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น

โดยเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2566 บริษัทฯได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทย่อยชื่อ บริษัท โอเมก้า โลจิสติกส์ แคมปัส จำกัด ทุนจดทะเบียนจำนวน 1,000,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 1,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1,000 บาท เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ อันเป็นการดำเนินการภายใต้กรอบความตกลง (Framework Agreement)

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯได้มีมติสำคัญอนุมัติการปรับโครงสร้างธุรกิจพรีคาสท์เพื่อให้บรรลุตามแผนกลยุทธ์ของบริษัทฯ ในการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน เพิ่มรายได้อย่างต่อเนื่อง (Recurring Income) และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจและความคล่องตัวในการบริหารงานของกลุ่มบริษัทฯ ให้เจริญเติบโตต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง

รวมถึงช่วยเพิ่มโอกาสในการหาพันธมิตรทางธุรกิจในอนาคต โดยการโอนกิจการทั้งหมดของบริษัท ควอตซ์ โฮลดิ้ง 1 จำกัด (Quartz Holding 1) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียน และเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 51 ของ บริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด (Inno Precast) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายพรีคาสท์และเป็นโรงงานพรีคาสท์สีเขียว (Green Factory) และได้นำเข้าเทคโนโลยีสีเขียว “คาร์บอนเคียว” (Carbon Cure) เข้ามาใช้เป็นรายแรกในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย เพื่อผลิตแผ่นพรีคาสท์คาร์บอนต่ำ (Low Carbon Precast)

ทั้งนี้ Inno Precast มีอัตราการผลิตประมาณ 4.4 ล้าน ตร.ม./ปี และได้มีการลงทุนทำาระบบ Automation โดยการทำรายการในครั้งนี้ บริษัทฯ จะดำเนินการโอนกิจการทั้งหมด (Entire Business Transfer) ของ Quartz Holding 1 ซึ่งถือหุ้นสามัญในสัดส่วนร้อยละ 51 ของ Inno Precast ให้แก่ บริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GEL ซึ่งประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายวัสดุก่อสร้างอันได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง ผลิตภัณฑ์พรีคาสท์ เสาเข็มเจาะ เสาเข็มดินซีเมนต์ ชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูปสำหรับงานสาธารณูปโภค ฯลฯ

โดยบริษัทฯ จะได้รับค่าตอบแทนเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ GEL ซึ่ง GEL จะได้ออกใหม่และจัดสรรให้แก่บริษัทฯ เป็นจำนวนทั้งสิ้น 1,572,729,730 (หนึ่งพันห้าร้อยเจ็ดสิบสองล้านเจ็ดแสนสองหมื่นเก้าพันเจ็ดร้อยสามสิบ) หุ้น โดยมีราคาเสนอขายที่หุ้นละ 0.37 (ศูนย์จุดสามเจ็ดบาท) หรือคิดเป็นราคา 581,910,000 (ห้าร้อยแปดสิบเอ็ดล้านเก้าแสนหนึ่งหมื่นบาท) ซึ่งบริษัทฯ และ GEL ตกลงให้ถือว่าการที่บริษัทฯ ได้รับจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวจาก GEL เป็นการได้รับชำระค่าตอบแทน

สำหรับการโอนกิจการทั้งหมดของ Quartz Holding 1 ให้แก่ GEL โดยสมบูรณ์แล้ว ในการนี้ ภายหลังจากการเข้าทำรายการแล้วเสร็จ บริษัทฯ จะกลายเป็นผู้ถือหุ้นของ GEL โดยจะถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 18.26 โดยบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเข้าทำรายการให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2566

ทั้งนี้ การที่บริษัทฯ นำ Inno Precast ซึ่งมีอัตราการผลิตประมาณ 4.4 ล้าน ตร.ม./ปี ไปรวมธุรกิจกับธุรกิจ พรีคาสท์ของ GEL ที่มีอัตราการผลิตสูงสุดเท่ากับ 0.8 ล้าน ตร.ม./ปีนั้น บริษัทฯ ได้คำนึงถึงว่า GEL มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พรีคาสท์ให้แก่ลูกค้าภาคอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างมาอย่างยาวนาน มีชื่อเสียง และฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งโดยมีฐานลูกค้ามากกว่า 30 ราย และต่างก็เป็นบริษัทชั้นนำในประเทศ

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันอัตรา การผลิตผลิตภัณฑ์พรีคาสท์ของ GEL มากกว่ากำลังการผลิตสูงสุดแล้วทำให้ทาง GEL มี Backlog มากกว่า 3 พันล้าน บาท และไม่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เพียงพอ ทั้งนี้ภายหลังจากการเข้าทำรายการจะส่งผลให้กำลังการผลิตสูงสุดของ GEL เพิ่มขึ้นเป็น 5.2 ล้าน ตร.ม./ปี ซึ่งเป็นอัตราการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จะทำให้ทาง GEL สามารถใช้กำลังการผลิตที่เหลือใช้ใน Inno Precast ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า

ทั้งนี้ จากประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจของ GEL และความเชี่ยวชาญในการทำการตลาด บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่า GEL จะสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มได้อีกอย่างต่อเนื่องให้กับ Inno Precast โดยไม่ต้องเสียเวลาในการขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติม อันส่งผลให้บริษัทฯ มีโอกาสในการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง (Recurring Income) จากการถือหุ้นร้อยละ 18.26 ใน GEL และร้อยละ 49.00 ใน Inno Precast

นอกจากนี้การเข้าลงทุนในหุ้นสามัญสัดส่วนร้อยละ 18.26ใน GEL ซึ่งประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายวัสดุ ก่อสร้างอันได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง ผลิตภัณฑ์พรีคาสท์ เสาเข็มเจาะ เสาเข็มดินซีเมนต์ ชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูปสำหรับงานสาธารณูปโภค ฯลฯ ซึ่งเป็นวัสดุหลักในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อันเป็นวัสดุหลักที่ทางบริษัทฯ ใช้ เป็นจำนวนมาก ทำให้มีโอกาสที่บริษัทฯ จะสามารถซื้อวัสดุก่อสร้างจาก GELจะท าให้GEL มีโอกาสในการรับรู้รายได้ที่ เพิ่มขึ้น และโอกาสในการเติบโตที่สูงจะเพิ่มความมั่นคงทางการเงินให้ GEL ได้ในระยะยาว

ทั้งนี้การเข้าทำรายการจะอยู่ภายใต้กระบวนการและหลักเกณฑ์การโอนกิจการทั้งหมดของประมวลรัษฎากร และกฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในประมวลรัษฎากร รวมถึงมีมติอนุมัติการเข้าทำสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการเข้าทำรายการดังกล่าว และมอบอำนาจให้ นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ เป็นผู้มีอำนาจในการดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องหรือจำเป็น ต่อการเข้าทำรายการดังกล่าวข้างต้น โดยให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทฯ เป็นสำคัญ

Back to top button