IND โชว์แบ็กล็อก 2.2 พันล้าน มั่นใจปีนี้รายได้โตเกิน 20%

IND ตุนแบ็กล็อกแน่น 2.27 พันลบ. ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่อง มั่นใจปี 66 รายได้โตเกิน 20% เดินหน้าประมูลโปรเจกต์รัฐ-รัฐวิสาหกิจ-เอกชนใหม่


ดร.พรลภัส ณ ลำพูน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IND เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดปี 2565 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ของบริษัทพบว่า มีผลกำไรสุทธิ 32.43 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันกับปีก่อนมีกำไรสุทธิ  14.26  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.17 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 127.42 เนื่องจากบริษัท ฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 611.37 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน 473.74  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 137.63 ล้านบาท หรือร้อยละ 29.05

โดยปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้รายได้และกำไรปี 2565 เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นเป็นผลมาจาก บริษัทฯ ทยอยรับรู้รายได้จากโครงการต่างๆ ที่ทยอยเพิ่มเข้ามาตั้งแต่ต้นปี โดยปี 2565 บริษัทฯ ได้รับงานโครงการใหม่รวม  22  โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 839.05  ล้านบาท และปีนี้ยังคงเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง

รายได้และกำไรปี 2565 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากบริษัทฯ ได้รับงานใหม่ๆ เข้ามาตลอดทั้งปี เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าจากความชำนาญเฉพาะด้านของIND และเป็นบริษัทชั้นนำด้านวิศวกรรมที่ปรึกษาและออกแบบพร้อมก่อสร้างในการลงทุนโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ได้รับการยอมรับและได้รับความเชื่อถือจากหน่วยงานต่างๆ จากภาครัฐและเอกชน ทำให้บริษัทฯ สามารถคว้างานโครงการต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง  และผลักดันให้มูลค่างานในมือเพิ่มขึ้น โดยบริษัทฯ ยังคงเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ๆ เพื่อผลักดันให้ผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตตามเป้าที่ตั้งไว้ ” ดร.พรลภัสกล่าว

 

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯมีความมั่นใจในศักยภาพของรายได้และกำไรสุทธิว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปี 2565 เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างในส่วนของภาครัฐมีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดีขึ้น จากการที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยได้เร่งรัดให้มีงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เห็นสัญญาณบวกที่จะเกิดขึ้นกับบริษัทฯ เพราะทำให้มีโอกาสเข้าร่วมประมูล โครงการออกแบบ และก่อสร้างใหม่ๆ เพิ่มอีกหลายโครงการ อีกทั้งทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (backlog) ที่มีอยู่ประมาณ  2,266.74 ล้านบาท (ณ วันที่ 31 ม.ค.2566) โดยตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%

Back to top button