BIOTEC โชว์กำไรปี 65 โต 110% ปักธงปีนี้สยายปีกต่อยอด “น้ำมันไบโอดีเซล-กลีเซอรีน”

BIOTEC รายงานงบปี 65 โต 110% แตะ 164 ล้านบาท ปักธงปี 66 เดินหน้าสยายปีกธุรกิจผลิต “จำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล-กลีเซอรีน” และมีแผนขยายการลงทุนสู่ธุรกิจพลังงานทดแทนประเภท Solar และ Battery Energy Storage หวังสร้างมูลค่าเพิ่ม


บริษัท ไบโอ กรีน เอ็นเนอร์ยี่ เทค จำกัด (มหาชน) หรือ BIOTEC แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงผลการดำเนินงานงวดปี 2565 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 ว่า บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 4,455.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,277.44% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 323.45 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 163.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110.76% เมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 77.70 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพาณิชย์นาวี 539.31 ล้านบาท ในขณะที่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล รวมถึงกลีเซอรีนมีรายได้ 3,916.01 ล้านบาท

ทั้งนี้สาเหตุที่ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่นในปี 2565 เนื่องจากบริษัทมีการปรับกลยุทธ์ด้านการลงทุนใหม่ เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยเข้าไปลงทุนในธุรกิจด้านผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล รวมถึงกลีเซอรีน จึงทำให้ปี 2565 บริษัทมีการรับรู้รายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันไบโอดีเซลเป็นปีแรก และคาดว่าธุรกิจดังกล่าวจะเป็นธุรกิจดาวเด่นของ “BIOTEC” ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป

ด้าน นายรุ่งนิรันดร์ ตั้งสุรกิจ กรรมการผู้จัดการ BIOTEC เปิดเผยถึงกลยุทธ์การขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2566 ว่า บริษัทยังคงเดินหน้าสยายปีกต่อยอดธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล ธุรกิจด้านกลีเซอรีน และล่าสุดประกาศเข้าลงทุนธุรกิจพลังงานทดแทนประเภท Solar และ Battery Energy Storage ซึ่งเป็นธุรกิจพลังงานทดแทนจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยกลุ่มธุรกิจดังกล่าวที่ “BIOTEC” ลงทุน จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มด้านผลการดำเนินงานของบริษัทให้เติบโตอย่างยั่งยืนมากขึ้นในอนาคต

สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้ บริษัทมีแผนต่อยอดขยายการลงทุนในธุรกิจด้านกลีเซอรีน ซึ่งจะเป็นหนึ่งในธุรกิจที่สร้างความโดดเด่นและสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจได้ เพราะกลีเซอรีน เป็นเคมีภัณฑ์จากธรรมชาติที่ถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งในรูปแบบกลีเซอรีนบริสุทธิ์ และผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ใช้กลีเซอรีนเป็นส่วนผสมในการผลิต จึงทำให้ความต้องการในการใช้กลีเซอรีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย อาทิเช่น อุตสาหกรรมความงาม, อุตสาหกรรมอาหาร  และอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์ เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทมองทิศทางการสร้างมูลค่าเพิ่มโดยใช้กลีเซอรีนดิบ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้จากการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลจากโรงงานผลิตไบโอดีเซล 2 โรงในกลุ่ม BIOTEC ที่มีประมาณ 50-60 ตันต่อวันมาทำให้บริสุทธิ์มากขึ้น โดยผ่านกระบวนการกลั่นกลีเซอรีน ให้กลายเป็นกลีเซอรีนบริสุทธิ์ ซึ่งจะมีความบริสุทธิ์ร้อยละ 99.50 ขึ้นไป ซึ่งบริษัทมองว่า ตลาดกลีเซอรีนมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะมีมูลค่าการเติบโตสูงถึง 7.21 พันล้านบาทภายในปี 2573 ทำให้บริษัท เล็งเห็นกลุ่มเป้าหมายใหญ่สำหรับการขายส่งออกกลีเซอรีนบริสุทธิ์โดยเฉพาะในสาธารณรัฐประชาชนจีน ฝั่งเอเชียแปซิฟิก และฝั่งยุโรปตะวันตก ที่มีความต้องการในการใช้และมีสัดส่วนในการนำเข้ากลีเซอรีนค่อนข้างสูง

ทั้งนี้ จากการขยายการลงทุนดังกล่าว จะทำให้กลีเซอรีนบริสุทธิ์มีราคาขายที่สูงกว่ากลีเซอรีนดิบประมาณ 2-3 เท่า จึงทำให้ตลาดกลีเซอรีนบริสุทธิ์เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญในการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทฯ และคาดว่ากำไรจะโตขึ้นจากเดิมสูงถึง 30% ในอนาคต บริษัทจึงเห็นโอกาสในการขับเคลื่อนและเล็งเห็นการสร้างอัตราการเติบโตเพื่อต่อยอดธุรกิจในระยะยาวได้

อย่างไรก็ตาม นอกจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล รวมถึงแผนการต่อยอดธุรกิจด้านกลีเซอรีนที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทแล้ว ซึ่งบริษัทยังมีแผนขยายการลงทุนสู่ธุรกิจพลังงานทดแทนประเภท Solar และ Battery Energy Storage  ประเภท โซลิดสเตต (Solid-state battery) เพื่อเป็นระบบอุปกรณ์กักเก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์สำหรับการใช้งานในภาคครัวเรือนในเฟส 1 คาดว่าจะร่วมกันศึกษาในความร่วมมือก่อสร้างโรงงานประกอบชิ้นส่วน Battery Energy Storage ในประเทศไทย ในเฟส 2  ต่อไป  ซึ่งธุรกิจดังกล่าวจะสร้างรายได้เพิ่มให้กับบริษัทฯในอนาคตอย่างยั่งยืน

Back to top button