RS ตั้งเป้าปี 66 ธุรกิจเพลง แตะ 400 ล้าน –เล็งหาพันธมิตรเพิ่ม

RS วางเป้าปี 66 ธุรกิจเพลง แตะ 400 ล้านบาท เตรียมเข้าลงทุน “Joint Venture” เพิ่ม แย้มปรับรูปแบบใน 6 สายธุรกิจเพื่อเตรียมเข้าสู่การเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต


นายวิทวัส เวชชบุษกร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2566 กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปี 2565 ว่าบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,532.8 ล้านบาท ลดลง 1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน3,572.33 ล้านบาท สาเหตุหลักเกิดจากรายได้ในส่วนของธุรกิจพาณิชย์จาก 2 แพลตฟอร์มหลักได้แก่ RS MalI และ ULife หดตัวจากกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง จึงส่งผลให้รายได้บริษัทมีการปรับตัวลง

ขณะที่บริษัทยังมีจุดแข็งด้านธุรกิจ Entertainment ในส่วนของ Media มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 30% โดยสามารถกลับมาสร้างรายได้เป็นปกติชัดเจนในครึ่งหลังของปี 2565 จากกิจกรรมออนกราวน์ต่างๆ เช่น อีเว้นท์ และคอนเสิร์ต ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีช่วยผลักดันกำไรให้ทรงตัวจากปีก่อนได้

แม้ว่าบริษัทมีต้นทุนทางการเงินในปี 2565 อยู่ที่ 99.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 69.1% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 58.80 ล้านบาท เหตุเป็นผลมาจากการจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นตามเงินกู้ยืมธนาคารเพื่อใช้ลงทุนในการเข้าซื้อ บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไลฟ์ จำกัด หรือ ULife

ส่วนผลการดำเนินงานปี 2565 มีกำไรสุทธิ 137.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 127.35 ล้านบาท เป็นผลจากการเปิดประเทศและการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 จึงทำให้บริษัทสามารถกลับมาจัดอีเวนท์และคอนเสิร์ตได้เต็มประสิทธิภาพรวมถึงสามารถควบคุมต้นทุนขาย, บริการ และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารให้อยู่ในระดับต่ำได้

นายวิทวัส กล่าวอีกว่า ในส่วนของบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ CHASE เสนอขายให้ประชาชนทั่วไปแล้วเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 ทำให้บริษัทได้รับเงินสดจากการขายหุ้น CHASE จำนวน 421 ล้านบาท โดยบริษัทจะรับรู้กำไรพิเศษมากกว่า 100 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปี 2566

นอกจากนี้กล่าวอีกว่าภาพรวมธุรกิจบริษัทยังมีการพัฒนาโมเดลและสื่ออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในครึ่งแรกของปี 2566 จะมีการใช้เครื่องมือทางการตลาดต่างๆ เพื่อขยายช่องทางในการทำธุรกิจเพิ่มขึ้น โดยมุ่งเจาะกลุ่มตลาดเครื่องสำอาง และสกินแคร์

นายวิทวัส กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับแผนการลงทุนในปี 2566 บริษัทมีแผนจะลงทุนในรูปแบบของกิจการร่วมค้า (Joint Venture) ขณะที่ทิศทางการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคในทุกภาคส่วน จาก 6 กลุ่มธุรกิจในเครือ และมีการปรับรูปแบบธุรกิจใน 6 สายธุรกิจ เพื่อให้แต่ละธุรกิจมีการเติบโตต่อเนื่อง เตรียมเข้าสู่การเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต

รวมถึงบริษัทตั้งเป้าสร้างกลุ่มเป้าหมายให้มีความหลากหลายครอบคลุมทุกมิติให้เพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของธุรกิจ, โปรดักส์ ตลอดจนการสร้างคอนเทนต์ใหม่ๆ ขณะเดียวกันบริษัทยังได้ตั้งเป้าการเติบโตในส่วนของธุรกิจเพลงไว้ที่ 400 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนกว่า 200 ล้านบาท

Back to top button