2 โบรกประสานเสียง GABLE พื้นฐานแกร่ง รับกระแสหุ้นเทคบูม “เคจีไอ” เคาะเป้า 9.25 บ.

2 โบรกประสานเสียง GABLE พื้นฐานแกร่ง รับรายได้ทุกธุรกิจขยายตัว ดันผลงานโตต่อเนื่อง พร้อมรับกระแส “หุ้นเทค” บูม ฟาก “เคจีไอ” เคาะเป้าปี 66 สูงสุด 9.25 บ.


บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) หรือ GABLE เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 175 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 25% ของหุ้นที่ออกและชำระของบริษัท โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ส่วนวัตถุประสงค์ในการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ คือ 1) ลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่มีศักยภาพเพื่อ รองรับการเติบโตของกลุ่มบริษัทฯ 2) ชำระคืนเงินกู้ยืมของกลุ่มบริษัทฯ 3) เงินทุนหมุนเวียน เพื่อใช้ในการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯทั้งนี้

สำหรับ GABLE เป็นผู้ประกอบธุรกิจให้บริการโซลูชั่นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัล โดยมุ่งเน้นกลุ่มโซลูชั่นระดับองค์กร (Enterprise Solution and Services) ที่ครอบคลุมเทคโนโลยีที่สำคัญในโลกยุคดิจิทัล จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร โดยอาศัยประสบการณ์ จากการดำเนินธุรกิจ 33 ปีที่ให้บริการองค์กรชั้นนำในประเทศไทย พร้อมบุคลากรในสายงานโซลูชั่นและเทคโนโลยีมากกว่า 1,000 คน และยังมีพันธมิตรทางธุรกิจจำนวนมากไม่ว่าจะเป็น Oracle, Dell Technologies, Hewlett Packard Enterprise, F5, Huawei ทำให้กลุ่มบริษัทฯ เข้าใจถึงปัญหาและความต้องการของลูกค้าทั้งในด้าน ธุรกิจ ข้อจำกัดของระบบและผู้ใช้งาน และสามารถออกแบบโซลูชั่นที่ใช้งานได้ง่ายและแก้ปัญหาได้จริง

ทั้งนี้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่องจาก 166 ล้านบาท ในปี 2563 เพิ่มขึ้นเป็น 245 ในปี 2564 และเพิ่มขึ้นเป็น 268 ล้านบาท ในปี 2565 คิดเป็นการเติบโต 48% และ 10% ตามลำดับ

ขณะเดียวกันมีรายงานบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ 2 แห่ง ซึ่งได้ประเมินราคาเหมาะสมสูงสุดของหุ้น GABLE ไว้ที่ 9.25 บาทต่อหุ้น โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่า GABLE มีความน่าสนใจจากการเป็นผู้ให้บริการโซลูชั่นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลครบวงจร รวมทั้งขยายศักยภาพให้บริการด้วยการพัฒนาซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มที่เป็นเทคโนโลยีตัวเอง ทำให้ GABLE มีศักยภาพให้บริการที่แตกต่างจากคู่แข่งในธุรกิจ และประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานจะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง จากการการขยายของรายได้จากทุกๆ กลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจให้บริการโซลูชั่นระดับองค์กร ธุรกิจโซลูชั่นที่เป็นตัวแทนจำหน่ายและสร้างมูลค่าเพิ่ม และธุรกิจบริการซอฟต์แวร์แพลตฟอร์ม

โดย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 66 สำหรับ GABLE ที่ 9.25 บาท อิง Forward PE ที่ 20 เท่า โดยเป็นระดับ PE ที่ Discount จากค่าเฉลี่ยของกลุ่มฯที่ราว 36 เท่า เนื่องจากอัตราส่วน ROE ปี 66 ที่ราว 12.4% ซึ่งยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มฯที่ราว 22.7% และระดับ PE 20 เท่า จะใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิเฉลี่ยปีละ 21.7% ต่อปี CAGR ปี 65-67

โดยคาดการณ์ว่า GABLE จะรายงานกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 21.7% ในช่วง 2 ปีข้างหน้า (65-67) สนับสนุนจากการเติบโตของรายได้ในทุกๆ กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจให้บริการโซลูชั่นระดับองค์กร คาดเติบโตเฉลี่ย10.4% CAGR และธุรกิจโซลูชั่นที่เป็นตัวแทนจำหน่ายและสร้างมูลค่าเพิ่ม เติบโตเฉลี่ย 15.4% CAGR รวมทั้งธุรกิจบริการซอฟต์แวร์แพลตฟอร์ม เติบโตเฉลี่ย 84.8% CAGR ซึ่งการเติบโตของรายได้ส่วนธุรกิจบริการซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง จะมีส่วนสำคัญที่ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นทยอยปรับขึ้นจาก 21.2% ในปี 65 เป็น 21.4% และ 21.9% ในปี 66 – 67 ตามลำดับ

ด้าน บล.กรุงศรี พัฒนสิน ประเมินมูลค่าพื้นฐานของ GABLE ปี 66 ที่ 8.50 บาท/หุ้น โดยบริษัทดำเนินธุรกิจให้บริการโซลูชั่นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลครบวงจร เน้นให้บริการโซลูชั่นระดับองค์กรที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญระดับสูง รวมทั้งเพิ่มศักยภาพให้บริการด้วยการพัฒนาซอฟต์แวร์แพลตฟอร์มที่เป็นเทคโนโลยีตัวเอง ทำให้ GABLE มีศักยภาพให้บริการที่แตกต่างจากคู่แข่งในธุรกิจ

นอกจากนี้ ยังมีจุดเด่นด้านบุคลากรมีความเชี่ยวชาญด้านการใช้เทคโนโลยี และมีความชำนาญในธุรกิจกว่า 33 ปี ประกอบกับยังมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลากหลายธุรกิจ โดยมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งในกลุ่มสถาบันการเงิน และมีรายได้จากการให้บริการที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง (Recurring revenue) เป็นสัดส่วนราว 51% ของรายได้ปี 65 มองว่าจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเหวี่ยงตัวของรายได้ Digital Transformation และการปรับตัวของธุรกิจ หนุนตลาด ICT เติบโตต่อเนื่อง

ด้านกระแส Digital Transformation เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ความต้องการด้านระบบเทคโนโลยีสาร สนเทศและดิจิทัลของภาคธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง โดย Gartner ประเมินในช่วง 3 ปีข้างหน้า (66-68) การใช้จ่ายในตลาดไอทีของไทยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 9% ต่อปี โดยเฉพาะด้านดาต้าเซ็นเตอร์, ซอฟต์แวร์ระดับองค์กร และบริการด้านไอที

ทั้งนี้ธุรกิจให้บริการโซลูชั่นระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและดิจิทัลของไทย มีการแข่งขันค่อนข้างสูงจากผู้ประกอบการหลายราย อย่างไรก็ตาม มองว่าผู้ประกอบการแต่ละรายจะมีจุดแข็งในการให้บริการ และมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายชัดเจน ทำให้ส่วนใหญ่เน้นสร้างความแตกต่างเพื่อให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขัน รวมทั้งมีการพัฒนาโซลูชั่นของตนเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า และขยายศักยภาพให้บริการมากกว่าการแข่งขันด้านราคา รวมทั้งมีโอกาสเติบโตแบบ In-Organic

พร้อมคาดกำไรผลการดำเนินงานปี 66-68 มีกำไรสุทธิ 320 ล้านบาท / 367 ล้านบาท / 393 ล้านบาท ตามลำดับ หรือเติบโตเฉลี่ยต่อปี เพิ่มขึ้น 14% เนื่องจาก 1) คาดว่ารายได้เติบโตต่อปีโต 10% จาก 5,510 ล้านบาท ในปี 66 เป็น 6,316 ล้านบาท ในปี 68 จากการรับรู้รายได้ตามแบ็กล็อก และคาดว่ามีโอกาสได้รับงานใหม่ๆ จากความต้องการใช้บริการของทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจหลัก โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจ Software Platform

2) คาด Gross margin รวมดีขึ้นเป็น 21.6% ในปี 66 และ 22.2% ในปี 67-68 จากการเติบโตของจำนวนลูกค้า ประกอบกับผลบวก Economy of scale จากฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น 3) คาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ต่อรายได้สัดส่วน 14.7%, 15% และคาดค่าใช้จ่ายการเงินลดลงตามเงินกู้ระยะสั้นลดลง

Back to top button