คัด 12 หุ้นน่าลงทุน พ.ค.66 เน้นธีมอานิสงส์เลือกตั้ง-กำไร Q1 ฉายแววเด่น

โบรกประสานเสียงชี้ SET เดือนพ.ค.66 สดใส คัด 12 หุ้น BBL-BJC-CPALL-AAV-AOT-ERW-OR-PTG-BA-BDMS-ICHI-TOA น่าลงทุน เน้นธีมหุ้นรับอานิสงส์การเลือกตั้ง-แนวโมกำไรไตรมาส 1/66 ออกมาเติบโตแข็งแกร่ง


เริ่มเข้าสู่การลงทุนในช่วงเดือนพ.ค.66 “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงได้ทำการรวบรวมกลยุทธ์การลงทุนมานำเสนอ เพื่อเป็นแนวทางในการพิจารณาคัดเลือกลงทุน โดยเป็นการรวบรวมข้อมูลจากหลากหลายโบรกเกอร์ชั้นนำ อาทิ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) และ บล.ฟินันเซีย ไซรัส

ทั้งนี้นักวิเคราะห์ต่างมองว่าในเดือนพ.ค.66 แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยจะสามารถปรับตัวขึ้นได้ โดยเน้นลงทุนในหุ้นที่จะได้รับอาสิสงค์จากการเลือกตั้ง รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

โดย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) มองว่าในเดือนพ.ค.66 มีความเป็นไปได้สูงที่ตลาดหุ้นไทยจะดีดตัวขึ้นในช่วงครึ่งแรกของเดือน เนื่องจากได้แรงหนุนจากท่าทีของ Fed ที่อาจจะหยุดขึ้นดอกเบี้ย และมุมมองบวกของตลาดต่อผลการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. 66 อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเศรษฐกิจโลกยังเป็นความท้าทาย โดยเฉพาะในส่วนของเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังต้องติดตามความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะกดดันภาวะตลาดโดยรวม

ดังนั้น จึงยังคงเน้นหุ้นในธีมที่แข็งแกร่ง อย่างเช่น 1. หุ้นในกลุ่มธนาคารใหญ่ที่มีแนวโน้มว่าผลประกอบการจะแข็งแกร่ง และมีความเสี่ยงด้าน NPs จำกัด 2. หุ้นกลุ่มผู้บริโภคที่จะได้อานิสงส์จากนโยบายประชานิยมของพรรคการเมือง 3. หุ้นที่ได้อานิสงส์จากการท่องเที่ยวของไทยที่ฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ 4. บริษัทที่ผลประกอบการมีแนวโน้มพลิกฟื้นอย่างชัดเจนในไตรมาส 1/666 จึงคัดหุ้นเด่นมาแปดตัวได้แก่ BBL, BJC, CPALL, AAV, AOT, ERW, OR และ PTG

ส่วนบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า จากสถิติในอดีต SET ปรับตัวขึ้น 2.7% โดยเฉลี่ยในช่วง 2 อาทิตย์ก่อนการเลือกตั้งและ 3.1% ในช่วง 2 อาทิตย์หลังจากนั้น นอกจากนี้ถ้า SET ให้ผลตอบแทนเป็นลบในเดือน เม.ย. ตลาดก็มีโอกาสมากขึ้นที่จะพลิกเป็นบวกในเดือน พ.ค. จึงคิดว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 1/66 น่าจะส่งสัญญาณปรับตัวดีขึ้น เพราะฉะนั้นจึงคาดว่ากระแสเงินทุนไหลออกจะชะลอตัวหรือพลิกเป็นไหลเข้า ซึ่งจะช่วยลดโอกาสของการขายหุ้นในเดือนพ.ค. ในปีนี้ หลังจากนั้นโอกาสที่ตลาดจะปรับตัวลงก็น่าจะเลื่อนไปในเดือน มิ.ย. หรือ ก.ค. เมื่อรัฐบาลใหม่เริ่มจัดตั้งรัฐบาลผสม คิดว่าในตอนนั้นตลาดน่าจะเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับปัจจัยภายนอกในขณะที่เศรษฐกิจโลกเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวหรือสภาวะถดถอยในช่วงครึ่งหลังปี 66

ทั้งนี้ยังคงเป้าหมายสำหรับ SET ในปี 66 ไว้ที่ 1,700 จุด (โดยมีสมมติฐานจากกำไรต่อหุ้นที่ 101 บาท และ PER เป้าหมายที่ 16.9 เท่า เท่ากับค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง) ปัจจุบัน SET มีการซื้อขายที่ 15.2 เท่า ของค่า PER ปี 66 คิดเป็น Upside ที่ประมาณ 10% ซึ่งน่าสนใจสำหรับการลงทุนระยะยาว คาดว่าหุ้นจะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/66 ในเกณฑ์ดีและคิดว่าแนวโน้มในช่วงไตรมาส 2/66 ถึงครึ่งหลังปี 66 จะสดใสต่อเนื่อง ยังคงเน้นหุ้นในประเทศมากกว่าต่างประเทศ ด้วยเหตุดังกล่าวหุ้นเด่นในเดือน พ.ค. จึงประกอบด้วย BA แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 18 บาท, BDMS แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 34.50 บาท, CPALL แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 72 บาท, ICHI แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 14 บาท, และ TOA แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 40 บาท

Back to top button