“เอกภาวิน” แนะเก็บ 3 หุ้นพื้นฐานแกร่ง ลุ้นไตรมาส 2 กำไรโตเด่น

“เอกภาวิน สุนทราภิชาติ” ชี้ระยะสั้นการเมืองไทยไม่แน่นอน หวั่นกระทบตลาดหุ้น ชูหุ้นเก็บติดพอร์ต AOT- BBL- BDMS คาดไตรมาส 2/66 กำไรดีทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า


นายเอกภาวิน สุนทราภิชาติ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด หรือ INVX เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (12 มิ.ย. 66) ว่าด้านของหุ้นการเมืองยังส่งผลให้ตลาดมีความผันผวน มีความไม่แน่นอน จากการเฝ้ารอการจัดตั้งรัฐบาลอยู่จึงเห็นได้ว่า SET นั้นถูกปรับลงอยู่กรอบล่างที่ระดับ 1,540 จุด โดยจะเป็นกรอบเดิมที่ติดอยู่ก่อนวันที่ 8 มิ.ย. 66 ที่ผ่านมา  ที่มีการฝ่าวงล้อมขึ้นมาได้ ภาพรวมที่จะไปต่อได้แนวรับไม่ควรต่ำกว่าระดับ 1,540 จุด และแนวต้านควรอยู่ที่ระดับใกล้ 1,600 จุด หากกรณีที่แนวรับหลุดจากระดับ 1,540 จุด ภาพของตลาดจะมีการแกว่งอยู่ภายในกรอบเดิมที่ระดับ 1,520 จุด แนะว่าระดับที่ปรับลงควรอยู่ที่ระดับ 1,500 จุด เป็นแนวทางในการซื้อพอร์ตระดับกลางขึ้นไป

ด้านของปัจจัยภายนอก ตลาดต่างประเทศนั้นเฝ้าจับตามองการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมทั้งธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เรื่องการประชุมเฟด ตลาดนั้นคาดการณ์ไว้แล้วว่าจะมีการคงดอกเบี้ย แต่สิ่งที่เป็นใจความสำคัญของการจับตามอง คือ เหตุการณ์ที่อาจจะเกิดในอนาคต ว่ามีโอกาสที่จะหยุดที่ดอกเบี้ยหรือไม่ หรือติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของเดือน พ.ค. ที่จะถูกรายงานในวันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย. 66) หากมีการชะลอตัวที่ชัดเจนเกิดขึ้น มีโอกาสที่ค่าเงินดอลลาร์จะเกิดการอ่อนค่า ส่งผลให้เงินบาทมีการแข็งค่าขึ้น สรุปแล้ว หากอิงจากปัจจัยต่าง ๆ แนะว่าให้ดูที่ระดับ 1,540 จุด เพื่อเป็นการปรับตัวขึ้น

ส่วนหุ้นที่น่าเก็งกำไรมีกลุ่มที่อิงจากไตรมาส 2 ว่ายังสามารถเติบโตได้ดี ทั้งจากงวดเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า ได้แก่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เพราะกลุ่มท่องเที่ยวมีแนวโน้มกลับมาซื้อ โดยกรอบแนวรับอยู่ที่ 72 บาท ส่วนกรอบแนวต้านอยู่ที่ 74 บาท ถัดมาคือ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ทั้งปี 66 คาดว่ากำไรจะเติบโต 50% ขณะที่ไตรมาสที่ 2 นั้นเติบโตทั้งช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสเดียวก่อนหน้า โดยให้กรอบแนวรับอยู่ที่ 160 บาท ส่วนกรอบแนวต้านอยู่ที่ 166.50 บาท และ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS ให้กรอบแนวรับอยู่ที่ 28 บาท ส่วนกรอบแนวต้านอยู่ที่ 31-32 บาท

ประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้ ในประเทศไทยคือเฝ้าจับตามองในการโหวตเลือกนายก จนถึงเดือนก.ค.-ส.ค. เพราะผลลัพธ์สามารถเป็นได้ทั้งบวกและลบ ส่วนในต่างประเทศต้องติดตามเรื่องการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อีกครั้งในเดือนก.ค. หลังจากช่วงครึ่งปีแรก ทางธนาคารกลางสหรัฐจะดูเรื่องเงินเฟ้อเป็นจริงเป็นจังว่ามีการลดต่ำลงหรือยัง และเป็นโอกาสที่จะบอกถึงทิศทางข้างหน้าของ FUND FLOW

นายเอกภาวิน กล่าวทิ้งท้ายว่า การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือนพ.ค. 66 นั้นผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว โดยคาดการณ์ดอกเบี้ยอยู่ที่ 5.12% โอกาสตรงนี้จะเป็นภาพของการคงดอกเบี้ยแล้ว และมองโอกาสในช่วงปลายปีในช่วงเดือนพ.ย.- ธ.ค. ถ้าเรื่องของเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยชัดขึ้น มองว่าจะมีโอกาสลดดอกเบี้ยอีกครั้ง

Back to top button