STARK แจงเจ้าหนี้เรียกคืน “เงินต้น-ดอกเบี้ย” หุ้นกู้ 2 ชุด 2.24 พันล้าน เดดไลน์ 2 ก.ค.นี้

STARK แจงผู้ถือหุ้นกู้เรียกคืนเงินต้น-ดอกเบี้ย หุ้นกู้ “STARK239A-STARK249A” จำนวน 2.24 พันล้าน จับตาเดดไลน์ 2 ก.ค.นี้


บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ชี้แจงผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าการที่ถูกเรียกให้หนี้เงินต้นและดอกเบี้ยคงค้างของหุ้นกู้หมายเลข STARK239A และ STARK249A และการจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ครั้งที่ 3/2566 สำหรับหุ้นกู้หมายเลข STARK245A STARK255A และ STARK242A

ทั้งนี้ รายงานข้อมูลเกี่ยวกับการถูกเรียกให้หนี้เงินต้นและดอกเบี้ย คงค้างของหุ้นกู้หมายเลข STARK239A และ STARK249A เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ผู้แทนผู้ถือกู้ได้ดำเนินการจัดการประชุมผู้ถือหุ้นกู้ เพื่อพิจารณาเหตุผิดนัดจากการนำส่งแบบ 56-1 ล่าช้าและการใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นกู้ตามข้อกำหนดสิทธิ และผู้ถือหุ้นกู้ของหุ้นกู้หมายเลข STARK239A และ STARK249A ได้มีมติไม่ยกเว้นเหตุผิดนัดและใช้สิทธิเรียกให้หนี้เงินต้นและดอกเบี้ยภายใต้หุ้นกู้ทั้งหมดถึงกำหนดชำระโดยพลัน

โดยบริษัทได้รับหนังสือเรียกให้ชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยทั้งหมดตามหุ้นกู้หมายเลข STARK239A และSTARK249A (หนังสือเรียกให้ชำระหนี้โดยพลัน”)จากผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ในวันที่ 6 มิถุนายน 2566โดยผู้แทนผู้ถือหุ้นใช้สิทธิตามข้อ 11.3 ของข้อกำหนดว่าด้วยสิทธิและหน้าที่ของผู้ออกหุ้นกู้และผู้ถือหุ้นกู้ (“ข้อกำหนดสิทธิ”) เรียกให้บริษัทชำระหนี้เงินต้นคงค้างทั้งหมดจำนวน 2,241,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยคงค้างทั้งหมดซึ่งคำนวณจนถึงวันที่บริษัทชำระหนี้ตามหุ้นกู้ครบถ้วนแล้ว ภายในวันที่ 2 กรกฎาคม 2566

หากบริษัทไม่ชำระหนี้ดังกล่าวภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้สามารถใช้สิทธิตามกฎหมายเรียกร้องให้บริษัทชำระหนี้คงค้างทั้งหมดภายใต้หุ้นกู้และเรียกร้องค่าเสียหายจากการไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดสิทธิดังกล่าว

เนื่องจากการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้หมายเลข STARK239A และ STARK249A จะส่งผลให้หุ้นกู้อีก 3ชุดได้แก่หุ้นกู้หมายเลข STARK245A STARK255A และ STARK242A ซึ่งมีเงินต้นค้างชำระรวมจำนวน 6,957,400,000 บาท เกิดการผิดนัดไปด้วย และเจ้าหนี้ทางการเงินอื่น ๆ ก็อาจใช้สิทธิเรียกร้องให้ชำระหนี้ทั้งหมดในลักษณะเดียวกัน

อย่างไรก็ดี บริษัทมิได้นิ่งนอนใจ และกำลังพิจารณาทำการสื่อสารเจรจาหาทางออกร่วมกับเจ้าหนี้ดังกล่าวอยู่เพื่อให้เจ้าหนี้ระงับซึ่งการใช้สิทธิดังกล่าว แต่ยังไม่สามารถสรุปยอดหนี้ที่อาจมีการใช้สิทธิในแบบเดียวกันได้ เนื่องจากเหตุแห่งการเรียกชำ ระหนี้โดยพลันของหุ้นกู้เพิ่งจะเกิดขึ้น

ทั้งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างกลุ่มเจ้าหนี้ทางการเงิน และเจ้าหนี้ต่างๆของบริษัท บริษัทกำลังขอเจรจากับเจ้าหนี้ทางการเงินที่สำคัญทั้งหมด เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัท เพื่อมิให้เจ้าหนี้อื่นๆ ใช้สิทธิแบบเดียวกัน

ขณะเดียวกันบริษัทก็พิจารณาถึงความเสี่ยงอันเกิดจากการกระทำใดๆ ที่อาจถือเป็นการเลือกปฏิบัติและให้เปรียบเจ้าหนี้กลุ่มใดๆ เหนือเจ้าหนี้รายอื่น บริษัทจึงเห็นว่าต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้กลุ่มใดๆ เป็นการเฉพาะ เพราะอาจถูกเจ้าหนี้กลุ่มอื่นเพิกถอนหรือส่งผลกระทบในทางลบต่อการเจรจากับเจ้าหนี้กลุ่มอื่น

ดังนี้ จึงควรรอให้ผลของการเจรจาสิ้นสุดลงว่าจะบริหารการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้หุ้นกู้และกลุ่มอื่นๆ อย่างไรโดยเท่าเทียมกัน ก่อนดำเนินการชำระหนี้ใดๆ

Back to top button