MC แย้มรายได้ปี 67 แตะ 4.4 พันล้าน รับยอดขายออนไลน์ทะลัก-เล็งบุกตปท.

MC ปักธงรายได้งวดปี 67 แตะ 4.4 พันล้านบาท รับยอดขายช่องออนไลน์โตทะลัก 50% หลัง TIKTOK ติดอันดับ 1 แบรนด์ยอดขายดี รับไฮซีซั่น พ่วงออกคอลเลกชั่นใหม่ ขณะที่ขยายสาขากว่า 600 จุดทั่วประเทศ กางแผนลุยตลาดต่างประเทศ


นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในงวดไตรมาส 2 ปีบัญชี 2567 (1 ต.ค. -31 ธ.ค. 2566) คาดเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1 ปีบัญชี 2567 (1 ก.ค.-ก.ย. 66) ที่มีกำไรสุทธิ 129 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่น รวมถึงบริษัทฯมีการจัดโปรโมชั่นแคมเปญอย่าง 11.11 และ 12.12 ตอบรับที่ดีเยี่ยมจากกลุ่มลูกค้า และมีการนำเสนอคอลเลกชั่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องและเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนงานที่วางไว้

โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ปีบัญชี 2567 (1 กรกฎาคม 2566-30 มิถุนายน 2567) เติบโตประมาณ 4,300-4,400 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 10% โดยสัดส่วนรายได้มาจากยีนส์ราว 40-45% ที่เหลือมาจากส่วนอื่นๆ อาทิ รองเท้า, กระเป๋า, เข็มขัด เป็นต้น และจะยังคงความสามารถในการรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) ให้อยู่ที่กรอบเดิมจากสิ้นงบปี 2566 (ก.ค.65-มิ.ย.66) อยู่ที่ 65-66%

ส่วนช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าปัจจุบันบริษัทมีสาขามากถึง 600 จุด ทั่วประเทศ โดยรวมช่องทางการขายในสถานีบริการพีทีที สเตชั่นการเปิดสาขา “แม็ค เอาท์เล็ท” (MC OUTLET) ซึ่งร่วมมือกับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ผู้นำธุรกิจสถานีบริการน้ำมันในประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีการขยายสาขไปแล้วกว่า 120 สาขาทั่วประเทศ ส่งผลให้สัดส่วนยอดขายในปัจจุบันต่างจังหวัดอยู่ที่ 60% ขณะที่ในกรุงเทพฯ อยู่ที่ 40% นอกจากนี้ในปี 2567 บริษัทฯมีแผนจะขยายสาขาไปในต่างประเทศเพิ่มเติม อาทิ เขมร, สปป.ลาว, มาเลเซีย เป็นต้น

นอกจากนี้บริษัทยังรุกขายสินค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ อาทิ ลาซาด้า, ช้อปปี้ และติ๊กต๊อก ซึ่งล่าสุดช้องทางขายผ่าน “ติ๊กต๊อก” ถือเป็นช่องทางการขายสินค้าออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูงมาก โดยในช่วงแคมเปญ 11.11 ที่ผ่านมายอดขายแบรนด์ “แม็คยีนส์” มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในหมวดหมู่สินค้าเสื้อผ้าผู้ชาย และล่าสุดแคมเปญ 12.12 ยังได้รับความนิยมต่อเนื่องและยอดขายในเดือนธันวาคมปีนี้เติบโตมากกกว่า 2 เท่า ส่งผลให้ช่องทางขายสินค้าออนไลน์จากเมื่อก่อนโตเพียง 8-9% ส่วนปีนี้มีแนวโน้มเติบโตประมาณ 50% หรือ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 13-14% ของยอดขายรวม

นายเจมส์ ริชาร์ด กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า แนวโน้มเศรษฐกิจปีหน้าคาดว่าทรงตัว-ทรุด เนื่องจากมองว่าปัญหาในต่างประเทศยังไม่คลี่คลาย โดยเฉพาะสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่วนประเด็นการขึ้นค่าแรงมองว่าไม่กระทบธุรกิจเนื่องจากค่าแรงพนักงานปัจจุบันสูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว พร้อมเน้นกลยุทธ์การใช้เอาต์ซอร์สในการดำเนินธุรกิจในส่วนของการทำโปรดักชั่นและโลจิสติกส์ เพื่อช่วยลดต้นทุนธุรกิจอยู่แล้ว

Back to top button