SVR มั่นใจปี 67 รายได้โตกว่า 50% หลังทยอยเปิด 6 โครงการ มูลค่า 4.6 พันล้านบาท

SVR มั่นใจปี 67 รายได้โตกว่า 50% หลังทยอยเปิด 6 โครงการมูลค่า 4,634 ล้านบาท ส่วนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอน 2 ชุดในเดือน มี.ค. 68 ไม่ต้องกังวลบริษัทมีเงินสดในมือแล้วกว่า 100 ล้านบาท  


นายรณฤทธิ์ ฐิติสุริยารักษ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินอาวุโส บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ SVR เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 6 โครงการมูลค่ารวม 4,634 ล้านบาท ซึ่งบางโครงการได้ดำเนินการสร้างบ้านตัวอย่างไปแล้ว

สำหรับ 3 โครงการซึ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวที่ทยอยเปิดตัวมาตั้งแต่ในปี 2566 ที่ผ่านมา รวมถึงโครงการที่จะทยอยเปิดตัวตั้งแต่ไตรมาส 1-2/2567 พร้อมรับรู้รายได้ทันที อย่างโครงการแกรนด์ สิวารมณ์ 1, โครงการ สิวารมณ์ ปาร์ค (วงแหวน-ประชาอุทิศ 76) และโครงการ SIVAROM HYDE (บางแค-สาทร)

ขณะเดียวกันบริษัทฯยังทยอยเปิดตัวอีก 3 โครงการใหม่ต่อเนื่องในปี 2567 ได้แก่ โครงการสิวรมณ์ ไฮด์ พุทธมณฑลสาย 3 บนพื้นที่ 17 ไร่ โดยรูปแบบบ้านเดี่ยวสไตล์ Art Deco มูลค่าโครงการ 422 ล้านบาท มีราคาหลังละ 12-15 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3/2567 และสามารถรับรู้รายได้ในทันที

ถัดไปเป็นโครงการสิวารมณ์ เนเจอร์พลัส บางปู 104 โดยโครงการนี้เป็นบ้านแฝด ทาวน์เฮาส์ และบ้านเดี่ยว บนพื้นที่ 50-51 ไร่ มีมูลค่าโครงการประมาณ 1,400-1,500 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดตัวได้ในปลายไตรมาส 3/2567 และสามารถรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4/2567

รวมถึงโครงการบ้านเดี่ยวแกรนด์ สิวารมณ์ 2 บางปู 109 บนพื้นที่ 62 ไร่ มูลค่าโครงการประมาณ 1,300 ล้านบาท โดยโปรดักส์คล้ายกับโครงการแกรนด์ สิวารมณ์ 1 แต่มีการปรับหน้าบ้านให้กว้างขึ้น และมีความหรูหรามากขึ้น ซึ่งบ้านขนาดเล็กราคาเริ่มต้นหลังละ 4 ล้านบาท โดยจะรับรับรู้รายได้ภายในปีนี้

 “โดยในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 50% เนื่องจาก 3 โครงการเก่าที่รับรู้รายได้ไม่ทันในปีที่ผ่านมาก็จะเลือนมาทยอยรับรู้ได้ตั้งแต่ต้นปีนี้ รวมถึงโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวเข้ามาสนับสนุนเพิ่มเติม ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าบริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการฝั่งธนบุรีเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นผลมาจากบริษัทฯ ต้องการที่จะขยายธุรกิจไปในพื้นที่ใหม่ๆ เพื่อเป็นโอกาสในการขายของบริษัทฯ โดยมีแผนที่จะหาทำเลใหม่ๆ เพิ่มในช่วงปลายปีนี้ เพื่อที่จะสามารถรับรู้รายได้ในปีถัดไป ซึ่งจะเน้นไปที่ปริมณฑล” นายรณฤทธิ์ กล่าว

นายรณฤทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หุ้นกู้ของบริษัทฯจำนวน 2 ชุด มีมูลค่ารวม 218 ล้านบาท โดยชุดแรกจำนวน 90 ล้านบาท และชุดที่ 2 จำนวนกว่า 100 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ดังกล่าวจะควบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมีนาคม 2568 อย่างไรก็ตามบริษัทฯมีเงินพร้อมจ่ายเมื่อถึงกำหนด หลังจากปัจจุบันบริษัทมีเงินสดในมืออยู่แล้วประมาณ 100 ล้านบาท

Back to top button