TMI กางแผนปี 67 ลุยธุรกิจ “คาร์บอนเครดิต” หนุนรายได้โต 20%

TMI ตั้งเป้าปี 2567 รายได้โตกว่า 20% จาก “ธุรกิจส่องสว่าง-โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ” พร้อมลุยธุรกิจคาร์บอนเครดิตมุ่งสู่เมกะเทรนด์พลังงานสะอาด ต่อยอดการเติบโตก้าวกระโดดสร้างความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืน


นายธีระชัย ประสิทธิ์รัตนพร ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธีระมงคล อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TMI เปิดเผยทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2567 ว่า บริษัทสามารถทำผลงานได้เติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทมุ่งมั่นเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางศักยภาพและผลการดำเนินงานในระยะยาว ซึ่งตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% จาก 2 ธุรกิจหลัก

ได้แก่ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ส่องสว่าง ที่มีอัตราการเติบโตโดดเด่นอย่างมีนัยสำคัญตามปัจจัยบวกอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจประเทศ

รวมถึงการเข้ายื่นประมูลงานจากโครงการภาครัฐและภาคเอกชน และธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ 3 แห่ง รวมกำลังการผลิต 5.4 เมกะวัตต์

โดยเฉพาะการรับรู้รายได้เต็มปีเป็นครั้งแรก จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าชีวภาพจังหวัดสุพรรณบุรี รวมถึงการลงทุนในธุรกิจขายคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) ที่ปัจจุบันทั่วโลกมีอัตราการเติบโตและขยายตัวสูงขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยการซื้อขายคาร์บอนเครดิตยังมีปริมาณน้อย เมื่อเทียบกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยรวมของประเทศ นับเป็น New S-curve ธุรกิจพลังงานสีเขียว หนึ่งในเมกะเทรนด์ที่จะมาเปลี่ยนโฉมโลกธุรกิจ ช่วยเพิ่มโอกาสการลงทุนและการแข่งขัน สนับสนุนให้เกิดความยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว

ทั้งนี้สำหรับความคืบหน้าการขายคาร์บอนเครดิต โรงไฟฟ้าชีวภาพแห่งที่ 3 จังหวัดสุพรรณบุรี ขนาดกำลังผลิต 3 เมกะวัตต์ ที่สถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Environmental Research Institute Chulalongkorn University) ได้ประเมินผลตามมาตรฐาน Gold Standard  และคำนวณการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ อยู่ที่  91,000 ตันต่อปี ล่าสุด เตรียมได้ข้อสรุปการเสนอขายคาร์บอนเครดิตในเร็วๆ นี้

อนึ่งสำหรับภาพรวมการเติบโตของผลการดำเนินงานปี 2566 ยังสามารถเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้  สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างรายได้ที่มีศักยภาพการเติบโตต่อเนื่อง

“ปี 2567 บริษัทวางกลยุทธ์มุ่งขยายธุรกิจหลัก ควบคู่กับการเดินหน้าลงทุนธุรกิจคาร์บอนเครดิต ที่มีแนวโน้มการเติบโตและขยายตัวสูงมาก และการมองหาโอกาสใหม่ๆ ในหลายรูปแบบ เพื่อต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจและการดำเนินงานอย่างยั่งยืน อันเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนผลการดำเนินงานในอนาคตเติบโตอย่างก้าวกระโดด” นายธีระชัย กล่าว

Back to top button