SFLEX โกยกำไรปี 66 โต 235% แตะ 184 ล้านบาท เคาะปันผล 0.045 บาท ขึ้น XD 14 มี.ค.นี้

SFLEX มาตามนัดโชว์งบปี 66 กวาดรายได้ 1.8 พันล้านบาท ดันกำไรสุทธิ 184 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 235% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ บอร์ดใจดีเคาะจ่ายปันผล 0.045 บาท/หุ้น แย้มรายได้ปี 67 แตะ 2 พันล้านบาท เหตุแนวโน้มอุตสาหกรรมขยายตัวเพิ่มขึ้น หนุนผลงานออลไทม์ไฮต่อเนื่อง


ดร.สมโภชน์ วัลยะเสวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SFLEX ซึ่งเป็นผู้ผลิต และจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนชั้นนำในประเทศ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2566 มีรายได้รวม 1,820.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124.40 บาท หรือเพิ่มขึ้น 7.3% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 1,696.10 ล้านบาท โดยมีกำไรขั้นต้น 429.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 103.80% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรขั้นต้น 210.90 ล้านบาท หากพิจารณาในส่วนของกำไรสุทธิสำหรับปีอยู่ที่ 184.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 234.50% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 55.10 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดใหม่

สำหรับผลการดำเนินงานเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีอัตรากำไรขั้นตันและอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯ มีการบริหารต้นทุนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการจัดหาวัตถุดิบ การทำสัญญาล่วงหน้าการพิจารณาแนวโน้มราคาและอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตด้วยการเพิ่มทักษะและปรับเปลี่ยนเครื่องจักรให้ทันสมัย ประกอบกับแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจมุ่งเน้นการขายสินค้าที่มีมูลค่าสูง ประกอบกับการมุ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มความยั่งยืน หรือแพคเกจจิ้งที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ (Recyclable) ให้มากยิ่งขึ้นตามเทรนด์ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลประจำปี 2566 ในหุ้นละ 0.09 บาท เป็นเงินประมาณ 72 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.045 บาท เป็นเงิน 36.63 ล้านบาท และครั้งนี้จะจ่ายเงินปันผลงวดเพิ่มเติมอีกหุ้นละ 0.045 บาท เป็นเงิน 35.63 ล้านบาท โดยกำหนดวันที่ 15 มีนาคม 2567 เป็นวัน Record Date และขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 14 มีนาคม 2567 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลวันที่ 9 พฤษภาคม 2567

ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2567 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้แบบ Organic growth จากธุรกิจหลักอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท หรือเติบโต 10% จากปีก่อน สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากแนวโน้มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภค-บริโภคขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการใช้งานบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้คาดว่าบริษัทร่วมทุน “บริษัท สตาร์ยูเนี่ยน แพคเกจจิ้ง จำกัด” จะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ประมาณไตรมาส 4/2567 อีกทั้งมีแผนการรับรู้กำไรจากการลงทุน Starprint Vietnam JSC ในประเทศเวียดนามอีกด้วย ทำให้เชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนผลการดำเนินงานของบริษัทเติบโตแข็งแกร่ง และสร้างผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมกับผู้ถือหุ้นในระยะยาว

Back to top button