SKY มั่นใจปี 67 สดใส รับท่องเที่ยวฟื้น หนุนธุรกิจการบิน พ่วงแบ็กล็อกแน่น 2.3 หมื่นล้าน

SKY กวาดกำไรปี 66 แตะ 544 ล้านบาท “นิวไฮ” มั่นใจเป้าปี 67 สดใส หลังจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่ม และรับรู้รายได้ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ลุยเซ็นสัญญาลงทุนเพิ่มพร้อมงานในมือ “แบ็กล็อก” จำนวน 23,213 ล้านบาท


นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY  เปิดเผยว่า จากผลการดำเนินงานไตรมาส 4/66 (ต.ค.-ธ.ค. 66) บริษัทสามารถทำรายได้รวม 1,277 ล้านบาท เติบโตขึ้น 51% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 213 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 156% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้การดำเนินงานปี 2566 (ม.ค.-ธ.ค. 66) บริษัทสามารถทำรายได้ทั้งหมด 4,119 ล้านบาท เติบโตขึ้น 47% และมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 546 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 161% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยบริษัทสามารถสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและสร้างนิวไฮได้ครั้งนี้ เนื่องจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลก และยอดผู้โดยสารเดินทางเข้า-ออกประเทศเฉลี่ยจาก 70,000 คน/วัน เพิ่มเป็นประมาณ 153,000 คน/วัน หรือเพิ่มขึ้นเกิน 150% ในปี 2566 ส่งผลให้รายได้จากโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับท่าอากาศยาน อาทิ ระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Passenger Processing System: CUPPS) และโครงการการให้บริการระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (APPS) เติบโตตามอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2566 บริษัทได้เข้าทำสัญญาใหม่และมีงานที่รอส่งมอบตามสัญญาในอนาคต (Backlog) อยู่ทั้งสิ้นประมาณ 23,213 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ให้กับอย่างน้อย 6-7 ปี

โดย นายสิทธิเดช กล่าวว่า จากนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวทางรัฐบาลยังมีวิสัยทัศน์ที่จะสร้างสนามบินสุวรรณภูมิให้เป็นสนามบินดิจิทัล (Digital Airport) เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทย ในฐานะผู้นำด้าน Aviation Tech ทางสกาย กรุ๊ปมีความพร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจตอบรับนโยบายของภาครัฐและยกระดับการบริการของสนามบินของประเทศไทยให้ได้มาตรฐานระดับโลก รองรับนักท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งถือเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ

อีกทั้ง นอกจากการรับรู้รายได้หลักจากโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสนามบินแล้ว บริษัทยังมีแผนนำ บริษัท โปร อินไซด์ จำกัด เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปีนี้ เพื่อรองรับการขยายตัวของงานโครงการจากภาครัฐ พร้อมรับรู้รายได้เต็มปีจากบริษัท เมทเธียร์ จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์อัจฉริยะ (Smart Facility Management) ที่จะเป็นบริษัทหลักในการบุกเจาะภาคเอกชน

“นอกจากนี้ บริษัทมั่นใจว่าในภาพรวมบริษัทจะยังคงเติบโตอย่างมั่นคง และเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2567  อีกทั้งมองหาโอกาสใหม่ในการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพ และเตรียมความพร้อมให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่องทั้งด้านเทคโนโลยี รวมถึงบุคลากรเพื่อรับมือกับโอกาสและความท้าทายใหม่ๆ อาทิ เทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ แพลตฟอร์มดิจิทัล ไปจนถึงการขยายสู่ธุรกิจเทคโนโลยีด้านต่างๆ ในอนาคตเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง” นายสิทธิเดช กล่าว

Back to top button