
SKY มั่นใจรายได้ปีนี้ โตแกร่ง! รับท่องเที่ยวฟื้น ยกระดับระบบเช็คอิน-สแกนผู้โดยสารอัจฉริยะ
SKY มั่นใจรายได้ปีนี้ โตแกร่ง รับแรงหนุนนักท่องเที่ยวจีน-อินเดียเพิ่ม หนุนดีมานด์ใช้เทคโนโลยีสนามบินยกระดับระบบเช็คอิน-สแกนผู้โดยสารอัจฉริยะ พร้อมฝากรัฐบาลเร่งผลักดันนโยบายขับเคลื่อน “อุตสาหกรรมการบิน” สู่เป้าหมายไทยเป็น Aviation Hub ภูมิภาค
นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY เปิดเผยผ่านงาน Skyconomy : Thailand’s Runways to Aviation Hub ในวันที่ 28 ต.ค.68 ระบุธุรกิจของ SKY แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ Technology as a Service มุ่งเน้นเทคโนโลยีการบิน โดยมีบริษัทในเครือและเข้าไปถือหุ้น 5 บริษัท ส่วนที่ 2 System Integrator (SI) พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีให้กับภาครัฐและหน่วยงานต่างๆ ประกอบด้วยบริษัทในเครือและเข้าไปถือหุ้น 3 บริษัท โดยคาดว่าบริษัทในกลุ่มนี้จะทำรายได้รวมกันอยู่ที่ราว 23,000 ล้านบาท
ขณะที่ หากย้อนกลับไปในอดีตนั้นต้องบอกว่าบริษัทได้ให้บริการด้านระบบสนามบินมายาวนานเกือบ 6 ปี มีโครงสร้างพื้นฐานหลัก 2 โครงการที่ให้บริการในสนามบิน คือ CUPPS ซึ่งเป็นระบบเช็คอินและออกตั๋วผู้โดยสาน (Check-in & Boarding system) ครอบคลุม 13 สนามบินทั่วประเทศ โดย SKY ลงทุนเองกว่า 4,200 ล้านบาท ระบบนี้รองรับทุกสายการบิน ทั้งเช็คอินที่เคาน์เตอร์, เช็คอินอัตโนมัติ, Auto Gate และ Self Boarding Gate
ล่าสุดยังพัฒนาเป็นระบบ Biometric สำหรับยืนยันตัวตนด้วยใบหน้าโดยไม่ต้องใช้บอร์ดดิ้งพาส ให้ผู้โดยสารเดินทางเทียบเท่าสนามบินชั้นนำระดับโลก ชางฮี สิงคโปร์, อินชอน เกาหลี เป็นต้น
โครงการที่ 2 คือ Passenger Data Screening System (APPS) สำหรับตรวจสอบข้อมูลผู้โดยสารก่อนเข้าและออกประเทศ เชื่อมต่อกับฐานข้อมูลของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบ Blacklist ของผู้โดยสารจากต่างประเทศหรือผู้ที่มีประกาศจับ ทำให้สามารถกักตัวบุคคลที่น่าสงสัยได้ล่วงหน้า ช่วยยกระดับความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศไทยอย่างมีประสิทธิภาพ

หากย้อนดูผลดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปีหลัง COVID-19 จะเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ครึ่งปีแรกของปีนี้ บริษัทมีรายได้ 5,020 ล้านบาท และมีกำไร 405 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้เติบโต 66% และกำไรเติบโต 84% สำหรับช่วงที่เหลือของปี แม้จะเหลือเวลาเพียงประมาณ 2 เดือน แต่คาดว่าผลประกอบการยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
ขณะที่ มุมมองต่อแผนพัฒนาสนามบินของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT นั้น โดยเฉพาะในส่วนของโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) เช่น โครงการ East Expansion และโครงการก่อสร้าง Terminal 3 ของสนามบินดอนเมือง ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และจะใช้เวลาอีกหลายปีจึงจะเห็นผลเป็นรูปธรรม
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ AOT และ กรมการบินพลเรือน (กพท.) กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เช่น การเปิดสล็อตการบิน (Flight Slot) เพิ่มเติม เพื่อให้สายการบินต่างๆ สามารถเข้ามาใช้บริการสนามบินในประเทศไทยได้มากขึ้นถือเป็นปัจจัยบวกโดยตรงต่ออุตสาหกรรมการบินและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะบริษัทที่ให้บริการด้านเทคโนโลยีและระบบโครงสร้างพื้นฐานทางการบินอย่าง SKY ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากจำนวนเที่ยวบินและสายการบินที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้
โดยช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะเทศกาล (Golden Week) ของจีน เมื่อต้นเดือนตุลาคม 2568 พบว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางออกมาท่องเที่ยวนอกประเทศเป็นจำนวนมาก โดยประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกที่นักท่องเที่ยวจีนเลือกเดินทางมาเยือน ขณะที่ ปัจจุบันโมเมนตัมของจำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วง ฤดูหนาว (Winter Schedule) ที่สายการบินต่าง ๆ ได้เพิ่มเที่ยวบินเข้ามามากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เดือนพฤศจิกายนและธันวาคมนี้มีจำนวนเที่ยวบินและนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ช่วงปลายปีถือเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวสูงสุด (High Season) ของไทย คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน จะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และส่งผลเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมการบินโดยรวม รวมถึงผลการดำเนินงานของ SKY ในไตรมาส 4/2568 ที่จะเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอย่างแน่นอน
ส่วนบรรยากาศหลังจากมีรัฐบาลชุดใหม่ มองว่าการที่ประเทศมีรัฐบาลและเสถียรภาพทางการเมืองที่ชัดเจน ส่งผลเชิงบวกต่อทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งเมื่อมีความชัดเจนด้านนโยบายและเสถียรภาพในการบริหารประเทศ นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้น กล้าที่จะลงทุนและขยายธุรกิจ
ส่วนเรื่องเดียวที่อยากฝากรัฐบาล คือ อยากให้รัฐบาลเร่งผลักดันนโยบายส่งเสริม อุตสาหกรรมการบิน ให้เกิดผลรูปธรรมภายในระยะเวลาที่เหลือของรัฐบาลชุดนี้ โดยเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยมีศักยภาพด้านภูมิศาสตร์ที่พร้อมจะก้าวสู่การเป็น Aviation Hub ของภูมิภาค ซึ่งที่ผ่านมา สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ระบุไว้ชัดเจนว่าอุตสาหกรรมการบินเป็น 1 ใน 5 อุตสาหกรรมสำคัญที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้ใหม่ให้กับประเทศ หากสามารถพัฒนาได้สำเร็จจะเป็นช่องทางดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทย
นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SKY ยังกล่าวทิ้งท้ายถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้มีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวที่ชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะการเดินทางทางอากาศที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้รายได้ของบริษัทได้รับอานิสงส์จากปริมาณผู้โดยสารที่มากขึ้น ทั้งจากสายการบินและสนามบินที่เป็นพันธมิตรของ SKY
ช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นสัญญาณบวกจากจำนวนนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะจากตลาดจีนที่กลับมาเดินทางมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นตลาดหลักสำคัญของไทย ขณะเดียวกัน ตลาดอินเดีย ก็มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นในแง่ของปริมาณนักท่องเที่ยวและกำลังใช้จ่ายที่สูงขึ้น ถือเป็นตลาดที่บริษัทและภาคการท่องเที่ยวไทยควรให้ความสำคัญในระยะต่อไป
“โมเมนตัมของการท่องเที่ยวเริ่มกลับมาดีขึ้นอย่างชัดเจน การจองเที่ยวบินในช่วงปลายปีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงไฮซีซันในเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้จำนวนผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน” นายสิทธิเดช กล่าว

