FTI กางแผนปี 67 ขยายธุรกิจทุกมิติ-ร่วมทุนพันธมิตรจีน หวังดันรายได้แตะ 930 ล้านบาท

FTI กางแผนปี 67 เดินหน้าขยายธุรกิจทุกมิติ ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ คุมต้นทุน ขยายสาขา ร่วมทุนพันธมิตรจีนหนุนการเติบโตแข็งแกร่ง ตั้งเป้าปีนี้รายได้แตะ 930 ล้านบาท เติบโตไม่น้อยกว่า 20% ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีแผนเล็งหาพันธมิตรใหม่เพิ่มอีก 2-3 ราย


ดร.วิกร ภูวพันร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ FTI เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้สำหรับในปี 2567 อยู่ที่ 930 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตไม่น้อยกว่า 20% ตามแผนขยายธุรกิจในปีนี้ โดยเดินหน้าขยายธุรกิจในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการใช้กลยุทธ์ในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งเครื่องกรองน้ำ ชุดกรองน้ำ ระบบผลิตน้ำอ่อน ชุดกรองน้ำที่สามารถใช้คู่กับฝักบัวอาบน้ำ ระบบบริหารจัดการน้ำอุตสาหกรรม เป็นต้น

ขณะเดียวกันบริษัทฯ เดินหน้าขยายสาขา Water Stores เพิ่มอีก 2 สาขาเป็น 23 สาขาจากในปัจจุบันที่มีอยู่ 21 สาขา เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าขายส่งเพื่อผู้ประกอบอาชีพระบบกรองน้ำ และครัวเรือนทั่วไป และการขยายสาขา Aquatek Shops อีก 21 สาขาเป็น 30 สาขา จากปัจจุบันที่มีอยู่ 9 สาขา เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าครัวเรือนระดับ High End ที่มี Life style ใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยหนุนยอดขายของบริษัทให้เติบโตขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศไทยจำนวน 3 บริษัท โดยเป็นความร่วมมือกับพันธมิตรจากสาธารณรัฐประชาชนจีนจำนวน 3 ราย เพื่อผลิต และประกอบไส้กรองระบบกรองน้ำ ผลิตและประกอบหม้อแปลง (Transformer) สำหรับระบบกรองน้ำ ผลิตและประกอบอุปกรณ์ Booster pump สำหรับระบบกรองน้ำ เพื่อจัดจำหน่ายสำหรับตลาดในประไทยและต่างประเทศ โดยสามารถเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/2567 เป็นต้นไป

ดร.วิกร กล่าวอีกว่า บริษัทฯได้เข้าไปซื้อที่ดินในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว บนพื้นที่ 40 ไร่ ส่วนนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับบริษัทฯในอนาคต เพื่อจัดตั้งเป็นศูนย์ในการผลิตสินค้าเกี่ยวกับ Water Treatment ส่งออกไปต่างประเทศ

ขณะที่เงินลงทุนในปี 2567 บริษัทฯ จะใช้เงินจากพลาดเนอร์จากประเทศจีนเป็นหลัก เนื่องจากบริษัทฯใช้เงินลงทุนไปกับซื้อที่ดินกว่า 100 ล้านบาทไปแล้วก่อนหน้า แต่การลงทุนของ FTI มีหน้าที่เตรียมคน ทักษะการทำงาน รวมถึงเครื่องไม้เครื่องมือรองรับที่บริษัทพร้อมเปิดในบนพื้นที่ EEC เพื่อบริษัทฯได้ผลิตสินค้าเอง จะช่วยลดต้นทุน รวมถึงต้นทุนการขนส่ง และช่วยหนุนให้กำไรเพิ่มขึ้น และสิ่งสำคัญมีโอกาสทำให้บริษัทฯ จะขึ้นมาเป็นผู้นำในอาเซียนได้ในอนาคต

นอกจากนั้น บริษัทฯ มีแผนเล็งหาพันธมิตรใหม่เพิ่มอีก 2-3 ราย เพื่อเข้ามาทำกิจการร่วมค้า (Joint Venture) อีก เพื่อในการผลิตถ่าน อุปกรณ์ ซึ่งคาดการณ์ว่าปีนี้จะมีงานเข้ามา อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากกลุ่มธุรกิจร่วมค้าจากประเทศจีนแล้ว บริษัทยังมีการพูดคุยกับกลุ่มค้าในประเทศอิตาลี โดยยังเกี่ยวข้องกับธุรกิจ Water Treatment เนื่องจากมีพันธมิตรที่ดีอยู่แล้วก่อนหน้า รวมถึงได้มีการพูดคุยกับบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯประเทศจีน หากเข้ามาได้ถือว่าใหญ่มากสำหรับบริษัทฯ

Back to top button