“สุดาวรรณ” ร่วมระดมสมองกำหนดยุทธศาสตร์ ดันไทยฮับท่องเที่ยว

รมว.ท่องเที่ยวฯ หารือภาครัฐ-เอกชน ร่วมกำหนดยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ดันไทยสู่การเป็น Tourism Hub


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 มี.ค. 67)  น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า งานประชุม WORKSHOP IGNITE THAILAND’S TOURISM ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมเป็นประธานเปิดงานนั้น ถือเป็นการรวมตัวกันของทุกภาคส่วน ทั้งส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน เพื่อร่วมระดมสมองกำหนดยุทธศาสตร์และกลยุทธ์การนำศักยภาพจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย มาใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ให้สังคมไทยอย่างทั่วถึงและยั่งยืน ยกระดับประเทศไทยสู่การเป็น Tourism Hub หรือการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาคอย่างแท้จริง เพื่อเพิ่มรายได้ในทุกมิติ

นางสาวสุดาวรรณ กล่าวว่า ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี จะมีการผลักดัน 5 ประเด็นสำคัญที่จะระดมสมองร่วมกันเพื่อทำให้บรรลุเป้าหมายที่เราตั้งไว้ ประกอบด้วย 1.Things must do in Thailand ไทยมีความร่ำรวยทางวัฒนธรรม ทรัพยากรธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตที่น่าสนใจ จนเป็นที่มาของ Amazing Thailand ซึ่งเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้ชาวโลกมาเยี่ยมเยือนประเทศไทย ได้แก่ 1. อาหารไทย 2. มวยไทย 3. ผ้าไทย 4. วัดไทย และ 5. Thai Show เราจะหาวิธีการช่วยกันเฟ้นหาและผลักดันสิ่งเหล่านี้ให้เข้าไปอยู่ในใจของนักท่องเที่ยวทั่วโลก เพื่อให้นักท่องเที่ยวนึกถึงประเทศไทยเป็นประเทศแรก ใช้ความทรงพลังของเอกลักษณ์ไทย มัดใจชาวโลกให้เข้ามาท่องเที่ยว มีรอยยิ้ม และเก็บความประทับใจกลับไปบอกต่อจนติดใจและกลับมาเที่ยวซ้ำ

2.จุดพลังเมืองหลักชูเมืองรอง ไทยมีแหล่งท่องเที่ยว ประเพณี วัฒนธรรมที่หลากหลาย มีอัตลักษณ์เฉพาะแต่ละพื้นที่รวมทั้งมีภูมิประเทศที่มีความแตกต่างกัน มีศักยภาพและความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวได้ทุกกลุ่ม นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปค้นหา สัมผัสประสบการณ์ และเดินทางท่องเที่ยวได้ทั้งประเทศ เราจะร่วมกันหาวิธีการผลักดันทุกเมืองให้เป็นเมืองท่องเที่ยวได้ทั้ง 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทยเที่ยวได้ทุกวัน ยกระดับเมืองรองให้เป็นจุดท่องเที่ยวมากขึ้นเชื่อมโยงเส้นทางการท่องเที่ยวเมืองหลักสู่เมืองรอง ส่งต่อและเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

3.การยกระดับ World Class Events เพื่อเป็นแม่เหล็กในการดึงดูดนักท่องเที่ยวและผู้เดินทางกลุ่ม MICE โดยไทยมีศักยภาพและความพร้อมในการพัฒนา ยกระดับสู่การเป็นเมืองแห่ง World Class Events เตรียมความพร้อมของสนามกีฬาขนาดใหญ่ ศูนย์การประชุม ศูนย์การจัดแสดงสินค้าที่มีมาตรฐานและศักยภาพในการรองรับการจัดงานอีเว้นท์ระดับโลก โดยจะต้องหาวิธีทำผลักดันให้ไทยเป็นเมืองศูนย์กลางมหกรรมความบันเทิงระดับโลก ก้าวสู่การเป็นเมืองศูนย์กลางงานเทศกาล งานศิลปะ งานแสดงสินค้าและนิทรรศการ การประชุมระดับนานาชาติ และมหกรรมคอนเสิร์ต

4.ประสานพลัง ASEAN Connectivity การเชื่อมแบบไร้รอยต่อ หาวิธีการเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อ ผ่านเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้าน จับมือกับประเทศพันธมิตรในระดับภูมิภาค โดยใช้ความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย สร้างความเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมทั้งทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ เพื่อรวมการท่องเที่ยวในภูมิภาคให้เป็นหนึ่งเดียว โดยตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางหลักต้อนรับนักท่องเที่ยว

5.การสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว โดยการจะก้าวเข้าสู่ความเป็น Tourism Hub สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ คือ การสร้างประสบการณ์และความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว ความเชื่อมั่นต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเป็นปัจจัยแรกในการตัดสินใจเลือกจุดหมายปลายทางในการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย ความสะดวก ความสะอาด รวมทั้งการให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ต้องบูรณาการความร่วมมือในการสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว ร่วมกันเป็นเจ้าบ้านที่ดี

“รายได้จากการท่องเที่ยวดังกล่าว สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากที่สุดถึง 18.64 % ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ทั้งหมด จากในปี 2566 อยู่ที่ 12.80 % ของจีดีพีไทย จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเสถียรภาพทางเศรษฐกิจส่วนสำคัญของประเทศไทยส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และการท่องเที่ยว คือ จุดแข็งของประเทศไทย จึงจำเป็นต้องผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้มีเป้าหมายที่ชัดเจน” นางสาวสุดาวรรณ กล่าว

Back to top button