WHAUP แย้ม Q2 สวย รับธุรกิจน้ำ-ไฟฟ้าโตแกร่ง

WHAUP แย้มไตรมาส 2/67 สวย! รับธุรกิจน้ำ-ไฟฟ้าฟื้นเด่นจากลูกค้า-ค่าไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้น พร้อมลุยโครงการ Premium Clarified Water-Green Logistics แบบครบวงจร พ่วงขยายพอร์ตการผลิตไฟฟ้าพุ่ง 1,000 เมกะวัตต์ตามแผน


นายสมเกียรติ เมสันธสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 2/67 มีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งมาจากธุรกิจน้ำที่มีการใช้เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของกลุ่มลูกค้าที่เพิ่มขึ้น โดยทั้งปีบริษัทฯมีการตั้งเป้ายอดการจำหน่ายและบริหารจัดการน้ำทั้งหมดจำนวน 178 ล้านลูกบาศก์เมตร และ ธุรกิจไฟฟ้า ที่บริษัทฯจะได้รับผลบวกจากโรงไฟฟ้า Gheco-I มีแนวโน้มผลประกอบการที่ดีขึ้น หลังจากกลับมาเดินเครื่องได้ปกติ ประกอบกับแนวโน้มราคาไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้น และราคาก๊าซปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลบวกต่อธุรกิจ SPP ปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งการทยอยเปิด COD ของโครงการโซลาร์รูฟท็อปในโครงการต่างๆ ตามแผนที่วางไว้

โดยล่าสุดบริษัทฯได้ลงนามในสัญญาการให้บริการน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) ปริมาณการผลิต 3.5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี กับบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ตะวันออก (มาบตาพุด) คาดว่าจะดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาส 3/67 อีกทั้งยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อลงทุนในโครงการน้ำอุตสาหกรรมคุณภาพสูง (Premium Clarified Water) เพิ่มเติม โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้มุ่งต่อยอดธุรกิจพลังงานสะอาดผ่านการพัฒนานวัตกรรมและโซลูชั่นด้านพลังงานใหม่ๆ อาทิ การเปิดให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งสอดรับกับแผนการลงทุนใน Green Logistics แบบครบวงจรของ WHA Group  ซึ่งมีการตั้งเป้าขยายการให้บริการครบ 120 ตู้ชาร์จภายในปีนี้ จากช่วงไตรมาสแรกที่มีการเปิดไปแล้ว 37 หัวชาร์จ

ส่วนธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ ปัจจุบันได้มีการลงนามในสัญญาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ประเภท Private PPA เพิ่มจำนวน 15 สัญญา กำลังการผลิตรวมประมาณ 59 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/67 บริษัทฯ มีการลงนามในสัญญาโครงการ Private PPA สะสมทั้งสิ้น 242 เมกะวัตต์ ซึ่งในจำนวนนี้ เป็นโครงการที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วรวม 125 เมกะวัตต์

สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ที่บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกจำนวน 5 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้น 125.4 เมกะวัตต์ และได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ EGAT และ PEA เสร็จสิ้นแล้ว 4 โครงการ จำนวนรวม 85 เมกะวัตต์ ส่วนอีก 1 โครงการที่เหลือคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาได้เร็วๆ นี้ ส่งผลให้บริษัทฯ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นจากโรงไฟฟ้าทุกประเภทอยู่ที่ราว 812 เมกะวัตต์ ดังนั้นจึงมั่นใจว่าเป้าหมายในการเพิ่มสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวมตามสัดส่วนการถือหุ้นไปที่ระดับ 1,000 เมกะวัตต์ ทำได้ตามแผนที่วางไว้

Back to top button