
SVR เปิดกลยุทธ์รับมือเศรษฐกิจชะลอ เร่งพัฒนา “Best Smart Living” ควบคู่ลดหนี้
SVR เผยแนวทางรับมือเศรษฐกิจผันผวน เดินหน้าแนวคิด “Best Smart Living” ควบคู่การลดหนี้ เดินหน้าพัฒนาโครงการเจาะตลาดบน สู่การเติบโตระยะยาว
นายรณฤทธิ์ ฐิติสุริยารักษ์ ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินอาวุโส บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ SVR เปิดเผยว่า ท่ามกลางภาวะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ทั้งจากสงครามการค้า การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และการเข้มงวดด้านสินเชื่อ ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและยอดโอนกรรมสิทธิ์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความท้าทายดังกล่าว ด้วยการยกระดับการพัฒนาโครงการภายใต้แนวคิด “Best Smart Living” ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยพื้นที่ใช้สอยที่ยืดหยุ่น สะดวกสบาย รายล้อมด้วยธรรมชาติ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น
สำหรับแนวคิด “Best Smart Living” ของ SVR ขับเคลื่อนด้วย 4 “S” ได้แก่ SMART Location เน้นการคัดเลือกทำเลที่มีศักยภาพ SMART Function ออกแบบบ้านให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ SMART Value ใช้วัสดุก่อสร้างคุณภาพสูงและใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า SMART Home นำเทคโนโลยีอัจฉริยะมาใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกและปลอดภัย
ขณะที่ผลประกอบการในไตรมาส 1/2568 (มกราคม–มีนาคม 2568) บริษัทมีรายได้รวม 164.33 ล้านบาท โดยมาจากรายได้โครงการเพื่อขายจำนวน 5 โครงการหลัก ได้แก่ โครงการสิวารมณ์ ซิตี้ (นิคมพัฒนา-ระยอง), สิวารมณ์ เนเจอร์พลัส (อัสสัมชัญ-ศรีราชา), สิวารมณ์ วิลเลจ (วงแหวน-ชัยพฤกษ์), สิวารมณ์ วิลเลจ (สุขุมวิท-บางปู 58), สิวารมณ์ ปาร์ค (วงแหวน-ประชาอุทิศ 76) และยังรับรู้รายได้เพิ่มจากโครงการใหม่ “สิวารมณ์ ไฮด์ (บางแค-สาทร)”
ทั้งนี้ SVR ยังคงบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย ณ วันที่ 31 มีนาคม 2568 บริษัทมีหนี้สินรวม 1,130.5 ล้านบาท ลดลงจากสิ้นปีก่อน 217.25 ล้านบาท ซึ่งอยู่ที่ 1,347.84 ล้านบาท อันเนื่องมาจากการชำระหนี้หุ้นกู้ก่อนกำหนดจำนวน 90 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 รวมถึงการชำระหนี้สินสถาบันการเงินจากการปลอดจำนองหลังโอนบ้านให้ลูกค้า ส่งผลให้บริษัทสามารถลดภาระดอกเบี้ยจ่ายได้อย่างมีนัยสำคัญในอนาคต
นอกจากนี้ เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว บริษัทฯ เตรียมเดินหน้าพัฒนากลยุทธ์ใหม่เพื่อยกระดับโครงการสู่กลุ่ม UPPER CLASS โดยมีเป้าหมายเจาะตลาดลูกค้าระดับ High-End สู่การขับเคลื่อนองค์กรไปสู่การเติบโตแบบ High Growth อย่างมั่นคงในอนาคต