CHOW พลิกเกมสู่ “โฮลดิ้ง” ยกระดับบริหาร -ลดความซับซ้อน หวังเติบโตยั่งยืน

CHOW ปรับโครงสร้างองค์กรสู่ Holding Company ยกระดับการบริหารงาน-การลงทุน พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาล มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน


บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) ประกาศการปรับเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท เชาว์ ไบรท์ เวนเจอร์ส โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW อย่างเป็นทางการ พร้อมเดินหน้าปรับบทบาทองค์กรสู่การเป็น Holding Company อย่างเต็มรูปแบบ โดยมีเป้าหมายหลักในการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเงินลงทุนในบริษัทย่อย ตลอดจนการลดความซับซ้อนของโครงสร้างองค์กร เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในยุคใหม่ ที่ต้องการความยืดหยุ่น คล่องตัว และมีประสิทธิภาพในการตัดสินใจมากยิ่งขึ้น

โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การปรับโครงสร้างองค์กรที่มุ่งเน้นการพัฒนาให้บริษัทมีศักยภาพในการบริหารจัดการการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งในกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กและกลุ่มธุรกิจอื่น ๆ ที่บริษัทให้ความสนใจในอนาคต โดยบริษัทฯ จะทำหน้าที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทย่อยและบริษัทในเครือ มีอำนาจในการกำหนดนโยบาย บริหารจัดการและกำกับดูแลในภาพรวม เพื่อให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวในทิศทางขององค์กร และลดความซ้ำซ้อนในการดำเนินงาน

ทั้งนี้ หนึ่งในบริษัทย่อยหลักภายใต้การกำกับดูแลของ CHOW คือ บริษัท เชาว์ สตีล แมนนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านการรับจ้างผลิตและจัดจำหน่ายเหล็กมาอย่างต่อเนื่อง โดยบจก. เชาว์ สตีล แมนนูแฟคเจอริ่งจะยังคงเป็นบริษัทแกนของกลุ่มในธุรกิจด้านการผลิตเหล็ก และ CHOW จะมีอำนาจควบคุมและบริหารงานโดยตรง รวมถึงสิทธิในการแต่งตั้งหรือถอดถอนคณะกรรมการของบจก. เชาว์ สตีล แมนนูแฟคเจอริ่ง เพื่อให้การบริหารงานสอดคล้องกับนโยบายหลักของบริษัทแม่ และมีการกำกับดูแลกิจการที่ดีตามมาตรฐานสากล

นายปรมัตถ์ จุฬวนิช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน CHOW กล่าวถึงวิสัยทัศน์และจุดมุ่งหมายของการปรับโครงสร้างองค์กรในครั้งนี้ว่า “การปรับเปลี่ยนชื่อและโครงสร้างองค์กรในครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้นของยุทธศาสตร์ระยะยาวของบริษัทฯ ในการพัฒนาองค์กรให้มีความคล่องตัวสูงขึ้น ทั้งในด้านการลงทุน การจัดสรรทรัพยากร และการตัดสินใจเชิงนโยบาย เราเชื่อว่ารูปแบบของ Holding Company จะช่วยให้เราบริหารจัดการธุรกิจในเครือได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

โดยไม่เพียงแต่จะลดความซับซ้อนของโครงสร้าง แต่ยังช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตในทิศทางที่ยั่งยืนและมีความโปร่งใส ภายใต้หลักธรรมาภิบาลและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องของตลาดทุน เรายังมองว่าโครงสร้างใหม่จะเอื้อให้บริษัทฯ สามารถตอบสนองต่อโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพในอนาคต ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการต่อยอดจากความเชี่ยวชาญที่บริษัทมีอยู่เดิม รวมถึงสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้น นักลงทุน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายในระยะยาว”

สำหรับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ยังสอดคล้องกับแนวทางของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ที่ส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนมีโครงสร้างการบริหารจัดการที่มีความชัดเจน โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ บริษัทฯ จึงให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Corporate Governance) เพื่อยกระดับความน่าเชื่อถือและความมั่นใจให้กับนักลงทุนในทุกระดับ

Back to top button