
เปิด 20 อันดับหุ้นถูก “Cover-Short” สูงสุด ณ 26 พ.ค.68
ข้อมูลสิ้นสุด 26 พ.ค.68 TTB มีปริมาณชอร์ตคงค้างเหลือมากสุด 744 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.76% และมีมูลค่าการปิดสถานะชอร์ตด้วยการซื้อคืนสูงสุด 12 ล้านบาท ขณะที่ HMPRO ถูก Short Sales สูงสุดจำนวน 16 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานอ้างอิงการเปิดเผยข้อมูลของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เกี่ยวกับหลักทรัพย์ที่ยังคงสถานะการขายชอร์ตที่ยังไม่ได้ซื้อคืน (Outstanding Short Positions) ณ วันที่ 26 พ.ค.68 โดยพบว่ามีหลักทรัพย์ที่ยังคงสถานะการขายชอร์ตที่ยังไม่ได้ซื้อคืน (รวม NDVR) จำนวนทั้งหมด 215 หลักทรัพย์ โดยหุ้นที่คงสถานะขายชอร์ตที่ยังไม่ได้ซื้อคืนสูงสุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย
1.ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB จำนวน 744,560,254 หุ้น หรือคิดเป็น 0.76% ของหุ้นที่ชำระแล้ว
2.บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC จำนวน 292,233,691 หุ้น หรือคิดเป็น 1.43% ของหุ้นที่ชำระแล้ว
3.บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO จำนวน 257,754,021หุ้น หรือคิดเป็น 1.96% ของหุ้นที่ชำระแล้ว
4.บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM จำนวน 213,536,796 หุ้น หรือคิดเป็น 1.40% ของหุ้นที่ชำระแล้ว
5.บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC จำนวน 198,829,920 หุ้น หรือคิดเป็น 0.62% ของหุ้นที่ชำระแล้ว
ทั้งนี้ จาก 20 อันดับในตารางดังกล่าว พบ 3 หุ้นที่ถูก Cover Short สูงสุดเกิน 3 ล้านหุ้น ได้แก่
1.TTB จำนวน 6,386,400 หุ้น ซึ่งหากเทียบกับราคาปิดล่าสุดที่ระดับ 1.95 บาท คิดเป็นมูลค่า 12,453,480 บาท
2.BEM จำนวน 6,386,400 หุ้น ซึ่งหากเทียบกับราคาปิดล่าสุดที่ระดับ 5.45 บาท คิดเป็นมูลค่า 34,680,530 บาท
3.VGI จำนวน 5,481,700 หุ้น ซึ่งหากเทียบกับราคาปิดล่าสุดที่ระดับ 2.22 บาท คิดเป็นมูลค่า 12,169,374 บาท
ขณะเดียวกัน จาก 20 อันดับในตารางดังกล่าว พบ 4 หุ้นที่ถูก Short Sales สูงสุดเกิน 1 ล้านหุ้น ได้แก่
1.HMPRO จำนวน 2,192,200 หุ้น ซึ่งหากเทียบกับราคาปิดล่าสุดที่ระดับ 7.70 บาท คิดเป็นมูลค่า 16,879,940 บาท
2.LH จำนวน 1,960,400 หุ้น ซึ่งหากเทียบกับราคาปิดล่าสุดที่ระดับ 3.96 บาท คิดเป็นมูลค่า 7,763,184 บาท
3.DELTA จำนวน 1,649,500 หุ้น ซึ่งหากเทียบกับราคาปิดล่าสุดที่ระดับ 111.50 บาท คิดเป็นมูลค่า 183,919,250 บาท
4.MINT จำนวน 1,005,900 หุ้น ซึ่งหากเทียบกับราคาปิดล่าสุดที่ระดับ 25.75 บาท คิดเป็นมูลค่า 25,901,925 บาท