
“อีลอน มัสก์” ถอนตัวรัฐบาล “ทรัมป์” ผิดหวังร่างกฎหมาย “ภาษี” กระทบผลงาน DOGE
“อีลอน มัสก์” ประกาศยุติบทบาทในรัฐบาลสหรัฐฯ หลังดำรงตำแหน่ง 130 วัน ท่ามกลางความขัดแย้งในนโยบายภาษีและหันกลับมาโฟกัสธุรกิจเทสลา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา ได้ตัดสินใจยุติบทบาทในฐานะ “พนักงานรัฐบาลพิเศษ” ในกรมประสิทธิภาพรัฐบาล (Department of Government Efficiency – DOGE) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังดำรงตำแหน่งเป็นระยะเวลา 130 วัน โดยการลาออกของมัสก์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและไม่เป็นทางการ โดยไม่มีการหารือกับทรัมป์โดยตรงก่อนประกาศลาออก
สาเหตุสำคัญของการตัดสินใจดังกล่าว เกิดจากความไม่พอใจของมัสก์ต่อร่างกฎหมายภาษีของพรรครีพับลิกัน ซึ่งเขาได้ออกมาแสดงความเห็นอย่างชัดเจนว่า “ผิดหวังกับร่างกฎหมายใช้จ่ายขนาดใหญ่นี้ เพราะจะเพิ่มการขาดดุลงบประมาณและบั่นทอนผลงานของ DOGE” ความเห็นนี้สร้างความไม่พอใจแก่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาว รวมถึงรองหัวหน้าเจ้าหน้าที่สตีเฟน มิลเลอร์ ซึ่งนำไปสู่การเคลื่อนไหวเชิงนโยบายเพื่อย้ำจุดยืนของรัฐบาลต่อร่างกฎหมายฉบับนี้
โดยในช่วงเริ่มต้นการบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ มัสก์เคยมีบทบาทสำคัญและเป็นที่จับตามองในฐานะผู้ทรงอิทธิพลภายในรัฐบาล โดยเขาแสดงออกอย่างเปิดเผยในงาน Conservative Political Action Conference เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ด้วยการถือเลื่อยโซ่สีแดงประกาศเจตนารมณ์ “ตัดระบบราชการ” อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป ความสัมพันธ์ระหว่างมัสก์กับคณะรัฐมนตรีเริ่มตึงเครียด โดยเฉพาะจากข้อเสนอการตัดงบบุคลากรของเขาที่ได้รับการคัดค้านจากหลายฝ่าย
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง มัสก์มีความขัดแย้งกับรัฐมนตรีระดับสูง 3 ราย ได้แก่ มาร์โก รูบิโอ (รัฐมนตรีต่างประเทศ), ฌอน ดัฟฟี (รัฐมนตรีคมนาคม) และสก็อต เบสเซนต์ (รัฐมนตรีการคลัง) รวมถึงเคยแสดงความเห็นตำหนิปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาด้านการค้าอย่างรุนแรงว่าเป็น “คนโง่”
อย่างไรก็ตาม แม้มัสก์จะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการลดงบประมาณ 2 ล้านล้านดอลลาร์ตามที่เคยตั้งไว้ แต่ DOGE ภายใต้การผลักดันของเขาสามารถลดจำนวนข้าราชการพลเรือนได้ราว 260,000 คน หรือประมาณ 12% ผ่านการปลด การซื้อออก และการให้แพ็กเกจเกษียณก่อนกำหนด
ขณะที่การประชุมผู้ถือหุ้นเทสลาเมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา มัสก์ได้บ่งชี้ถึงความตั้งใจในการลดบทบาทจากการทำงานภาครัฐเพื่อกลับไปมุ่งเน้นการบริหารธุรกิจเทสลาเป็นหลัก ท่ามกลางความกดดันจากนักลงทุนที่แสดงความกังวลเกี่ยวกับยอดขายและราคาหุ้นของบริษัท
ทั้งนี้แม้มัสก์จะยุติบทบาทลง แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ยังยืนยันว่าภารกิจของ DOGE จะยังคงดำเนินต่อไป โดยมัสก์กล่าวทิ้งท้ายว่า “ภารกิจของ DOGE จะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อมันกลายเป็นวิถีชีวิตของทั้งระบบราชการ”
โดย อีลอน มัสก์ ซึ่งเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เคยทุ่มเงินเกือบ 300 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนการหาเสียงของทรัมป์และพรรครีพับลิกันเมื่อปีก่อน แต่ล่าสุดเขาได้ประกาศว่าจะลดการใช้จ่ายทางการเมืองลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยให้เหตุผลว่า “ผมคิดว่าผมทำเพียงพอแล้ว”