SM เดินเกมครึ่งปีหลัง ขยายพอร์ตเช่าซื้อ-ออนไลน์ ใช้ระบบล็อกโฟนคุม NPL

SM เดินหน้ารุกครึ่งปีหลัง เตรียมขยายสู่ตลาดออนไลน์เต็มรูปแบบ เน้นพอร์ตเช่าซื้อ รับมือผลกระทบกลุ่มนอนแบงก์ พร้อมลดสัดส่วนจำนำทะเบียนรถ และเตรียมนำระบบ “ล็อกโฟน” มาใช้บริหารความเสี่ยง NPL อย่างมีประสิทธิภาพ


นายชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์ มันนี่ จำกัด (มหาชน) หรือ SM เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจผ่านในงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ว่าผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1/2568 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 384.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน 369.21 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 19.36 ล้านบาท ลดลง 0.61% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ  19.47 ล้านบาท

ทั้งนี้ SM โชว์ผลงานไตรมาส 1/2568 เติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังเร่งขายสินค้าและประกันผ่านช่องทางออนไลน์ โดยมีการเชื่อมต่อระบบกับบริษัทประกันชั้นนำ เฉพาะสาขาที่มีใบอนุญาตโบรกเกอร์ ขณะเดียวกันในไตรมาส 2/2568 บริษัทฯ เตรียมความพร้อมเข้าสู่การตลาดออนไลน์เต็มรูปแบบ โดยพัฒนาระบบ E-Consent และเตรียมเชื่อมต่อกับภาครัฐ เพื่อรองรับบริการดิจิทัลอย่างครบวงจร

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มไตรมาสที่ 2/2568 อาจชะลอตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากปีก่อนเป็นช่วงที่อากาศร้อนจัด ส่งผลให้ยอดขายเครื่องปรับอากาศพุ่งแรง ขณะที่ปีนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงมีฝนตกบ่อย ทำให้ยอดขายแอร์ชะลอลง อย่างไรก็ตาม เครื่องซักผ้ากลับมียอดขายเพิ่มขึ้น ซึ่งแม้ยังไม่สามารถชดเชยกับรายได้ของปีก่อนได้ แต่รายได้รวมยังเติบโตได้จากกลยุทธ์การขายเช่าซื้อและการปล่อยสินเชื่อที่ยังเดินหน้าได้ดี

ขณะที่ครึ่งหลังปี 2568 SM เตรียมเดินหน้าต่อยอดธุรกิจ ด้วยการนำ AI และ Machine Learning เข้ามาวิเคราะห์ข้อมูล พิจารณาสินเชื่อ และบริหารจัดเก็บหนี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภค โดยบริษัทฯ ได้เริ่มพัฒนาแพลตฟอร์ม E-commerce และระบบการสมัครสินเชื่อออนไลน์แบบครบวงจร เพื่อขยายฐานลูกค้า B2B อย่างต่อเนื่อง

นายชูศักดิ์ กล่าวอีกว่า กลยุทธ์ปีนี้มุ่งเน้นการขยายการขายใน 91 สาขาหลัก และปรับให้สาขาย่อยเข้าใกล้ชุมชนมากขึ้น โดยเฉพาะการส่งเสริมการขายสินเชื่อในพื้นที่ พร้อมขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ เช่น โทรศัพท์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงการรุกตลาดนาโนไฟแนนซ์ให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายในแต่ละพื้นที่

อย่างไรก็ตามทาง SM เตรียมรุกตลาดสินค้าผ่านออนไลน์มากยิ่งขึ้น โดยพัฒนาระบบสั่งซื้อและบริการ พร้อมจับมือพันธมิตรห้างและร้านค้าต่าง ๆ เช่น ร้านซักผ้า ร้านขายอาหารสด ที่ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าจาก SM เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่ม B2B และความไปถึงการไปออกบูธพร้อมกับพันธมิตรใช้พื้นที่ในการโปรโมทให้บริการลูกค้า เช่น บูธขายหรือซ่อมมือถือ เพื่อรองรับการเติบโตต่อเนื่องในอนาคต

นายชูศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกลุ่มธุรกิจ “นอนแบงก์” (Non-Bank) โดยเฉพาะสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและราคาขายต่อของรถมือสองที่ลดลง ทำให้การขาดทุนจากรถยึดยังอยู่ในระดับสูง โดยในปี 2568 บริษัทฯ มีแผนลดพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียน และลดการกู้ยืมลง พร้อมโฟกัสพอร์ตเช่าซื้อในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ดิจิทัลที่ให้ผลตอบแทนและกำไรสูงกว่า โดยในช่วงไตรมาส 2 ปีที่แล้ว ได้เริ่มนำเทคโนโลยี “ล็อกโฟน” เข้ามาช่วยลดความเสี่ยง NPL ได้อย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังขับเคลื่อนธุรกิจตามแนวทางความยั่งยืน โดยมุ่งพัฒนา Supply Chain ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ การจัดการคลังสินค้า ไปจนถึงกระบวนการอนุมัติสินเชื่อตามมาตรฐาน SDCS พร้อมส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรสีเขียว ด้วยการนำเทคโนโลยีการเงินเข้ามาใช้อย่างต่อเนื่อง และให้ความสำคัญกับการลดความเหลื่อมล้ำในสังคมอย่างสมดุล

ทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่า รายได้รวมในครึ่งปีหลังจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรก โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากกลยุทธ์ทางธุรกิจและการขยายตลาดผ่านพันธมิตรหลายราย แม้ภาวะเศรษฐกิจยังเผชิญความไม่แน่นอนจากนโยบายภาษีต่างประเทศ โดยเฉพาะจากฝั่งสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลต่อการลงทุนและการผลิต แต่ SM ยังมั่นใจว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง

Back to top button