
WTI ปิดบวก 89 เซนต์ แรงหนุนตึงเครียดภูมิรัฐศาสตร์ ดันราคาน้ำมันฟื้น
ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวก 89 เซนต์ หลังตลาดประเมินสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน และอิหร่าน-สหรัฐฯ เสี่ยงกระทบอุปทานน้ำมันทั่วโลก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (3 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียกับยูเครน และสหรัฐฯ กับอิหร่าน จะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลก
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ หรือ 1.42% ปิดที่ 63.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ หรือ 1.55% ปิดที่ 65.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนยังไม่มีแนวโน้มสิ้นสุดลง โดยล่าสุดทั้งสองฝ่ายได้ปะทะกันด้วยโดรนครั้งใหญ่ที่สุดนับแต่เริ่มสงคราม และสะพานทางหลวงของรัสเซียถูกลอบวางระเบิดในขณะมีรถไฟโดยสารแล่นผ่านด้านล่าง นอกจากนี้ ยังมีการโจมตีฐานทัพเครื่องบินทิ้งระเบิด
ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียเปิดเผยว่า โอกาสที่จะเกิดการประชุมร่วมกันระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย, ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน นั้น ยังไม่น่าจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ โดยเขากล่าวว่า แม้ผู้นำรัสเซียยังคงเปิดกว้างสำหรับการเจรจาระดับสูง แต่การประชุมลักษณะนี้ควรเกิดขึ้นต่อเมื่อมีการตกลงรายละเอียดในระดับเจ้าหน้าที่ หรือ “ระดับเทคนิค” กันเรียบร้อยแล้วเท่านั้น
ส่วนการเจรจาด้านนิวเคลียร์ระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯ นั้น นักการทูตอิหร่านเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า อิหร่านจะปฏิเสธข้อเสนอของสหรัฐฯ โดยให้เหตุผลว่าข้อเสนอดังกล่าวขัดต่อผลประโยชน์ของอิหร่าน ซึ่งหากการเจรจานิวเคลียร์ครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จ อาจหมายความว่าอิหร่านจะยังคงถูกคว่ำบาตรต่อไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตลาดโลก และเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน
ข้อมูลจากหน่วยงานด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่า อิหร่านเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่อันดับ 3 ในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในปี 2567 รองจากซาอุดีอาระเบียและอิรัก
นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) ในวันนี้ เวลาประมาณ 21.30 น.ตามเวลาไทย เพื่อประเมินแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันภายในประเทศ