CGSI มองกรอบ SET วันนี้ 1,130-1,145 จุด ชูลงทุน GULF-BJC

CGSI มองตลาดหุ้นไทย "Technical rebound" ให้กรอบ 1,130-1,145 จุด ทั้งปัจจัยต่างประเทศที่กดดัน และ ปัจจัยภายในประเทศ พร้อมแนะนำลงทุน GULF-BJC รับปัจจัยบวกเฉพาะ


บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ (5 มิ.ย.68) ว่าสรุปภาพรวมตลาด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซื้อขายผันผวนและปรับตัวคละกัน โดยดาวโจนส์ปิดที่ 42,427.74 จุด ลดลง 91.90 จุด หรือ -0.22% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,970.81 จุด เพิ่มขึ้น 0.44 จุด หรือ +0.01% และ Nasdaq ปิดที่ 19,460.49 จุด เพิ่มขึ้น 61.53 จุด หรือ +0.32% หลังสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการปรับตัวลงสู่ระดับ 49.9 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 51.6 ในเดือนเม.ย. รวมถึง การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ (ADP) เพิ่มขึ้นเพียง 37,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี

สำหรับภาพดังกล่าวสะท้อนไปถึงสินทรัพย์ปลอดภัย อย่าง ทองคำ ซึ่งปิดบวก 22.10 เหรียญ รับดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ / แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย และ ปธน.ทรัมป์แสดงความไม่พอใจอีกครั้งต่อพาวเวล และ เรียกร้องให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยทันที หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ ที่อ่อนแอ

ทางฝ่ายวิจัยมองกรอบ SET Index Technical rebound กรอบสั้น 5-10 จุดก่อนซึมลง โดยมองกรอบ 1,130-1,145 จุด ทั้งปัจจัยต่างประเทศที่กดดัน และ ปัจจัยภายในประเทศ อาทิ

1) การที่ตลท.จะปรับเกณฑ์ Capped Weight จำกัดน้ำหนักหุ้นรายตัวไม่เกิน 10% ในดัชนี SET50/SET100 (มีผลตั้งแต่ 1 ก.ค.68) ซึ่งปัจจุบัน DELTA มีน้ำหนักประมาณ 12%,

2) ประเด็นการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเชื่อว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีในเร็ว ๆ นี้ โดยพรรคเพื่อไทยน่าจะทวงคืนกระทรวงมหาดไทยจากพรรคภูมิใจไทย ซึ่งอาจทำให้ยิ่งเกิดความขัดแย้ง

และ 3) ความอ่อนไหวจากประเด็นไทย-กัมพูชา

ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ ติดตาม ข้อมูลเงินเฟ้อไทยเดือน พ.ค. (5 มิ.ย.68) โดย ตลาดคาดว่าดัชนี CPI จะหดตัว 0.83% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (เดือนเม.ย. ลดลง 0.22%) และ Core CPI ตลาดคาดว่าจะขยายตัว 0.95% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (เดือนเม.ย. 0.98%) ขณะที่ทางฝ่ายวิจัยมองว่าในไตรมาส 2/68 ไปจนถึงครึ่งปีหลัง ไทยจะเผชิญภาวะเงินฝืด เนื่องจากฐานที่สูงและการปรับลดอัตราค่าไฟ

หุ้นแนะนำ ดังนี้

บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF มีความเสี่ยงเพียงเล็กน้อย (<1% ของกำไรปกติในปี 68) จากประเด็นเวียดนาม รวมทั้งมีกำไรเติบโตสม่ำเสมอ, งบดุลแข็งแกร่งขึ้น, ความเป็นผู้นำตลาดและขยายธุรกิจสาธารณูปโภค และ LNG อย่างต่อเนื่อง (Take profit : 45.00 / Stop loss : 43.50)

บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC แม้ว่าปัจจัยลบในระยะสั้นจากการบริโภคที่ชะลอตัว, ยอดขายเครื่องปรับอากาศและเครื่องดื่มที่ลดลงและจำนวนนักท่องเที่ยวที่น้อยลงจะกดดันยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในไตรมาส 2/68 ของ BigC แต่เรายังคงคาดว่าบริษัทจะมีกำไรเติบโตต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนจาก การที่ลูกค้ารายใหญ่กลับมาสั่งซื้อบรรจุภัณฑ์กระป๋องอลูมิเนียมเร็วกว่าคาด, การที่บริษัทไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนราว 130 ล้านบาทต่อปีหลังปิดกิจการ TSS, การรักษาวินัยด้านต้นทุนและดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง (Take profit : 21.20  / Stop loss : 20.50)

Back to top button