
NUT พร้อมลุยตลาดเสริมอาหาร-เครื่องสำอาง ชูจุดเด่น “โกรทสต๊อก” จ่อเทรด mai 11 มิ.ย.นี้
NUT พร้อมเดินหน้าใช้เงินขยายธุรกิจเสริมอาหารและความงาม ดันแบรนด์ผ่านคอนเทนต์-อินฟลูเอ็นเซอร์ รับกระแสรักสุขภาพและสังคมสูงวัย พร้อมชูเป็นหุ้นเติบโต (growth stock) และปันผลเด่น
นายภาคิณ กิตติภานุวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นูทริชั่น โปรเฟส จำกัด (มหาชน) หรือ NUT เปิดเผยว่า ภายหลังจากบริษัทได้ยื่นเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 37 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 30.83 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถโอกาสการเติบโตในอนาคต
โดยบริษัทฯ มีแผนนำเงินที่ได้ไปใช้ลงทุนในการขยายกิจการสำหรับ การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ การผลิต Content (รูปแบบเนื้อหา) และการว่าจ้างพรีเซ็นเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัท ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร,ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง กลุ่มดูแลส่วนบุคคล และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง กลุ่มดูแลผิว
สำหรับ NUT เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องสำอาง ภายใต้แบรนด์บริษัทหรือแบรนด์ร่วม และรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์ เสริมอาหาร และเครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ของบุคคลภายนอก ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากกว่า 10 ปี จากการบริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การพัฒนาสูตร การผลิตตามมาตรฐานสากล ไปจนถึงการจัดจำหน่ายครอบคลุมทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ บริษัทมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจเสริมอาหารและเครื่องสำอางให้เติบโต
โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่และขยายช่องทางการจัดจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนความพร้อมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ทำให้ NUT เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมเสริมอาหารและเครื่องสำอางอย่างกว้างขวาง
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิ หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น อย่างไรก็ตาม การจ่ายเงินปันผลอาจเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงาน ฐานะการเงิน สภาพคล่อง และปัจจัยอื่นๆ ดังนั้นจึงมองภาพหุ้น NUT เป็นทั้งหุ้นเติบโต (growth stock) และหุ้นปันผล
ด้าน นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า NUT ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจเสริมอาหารและเครื่องสำอาง ที่ได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรม อีกทั้งปัจจุบันธุรกิจเสริมอาหารยังคงมีแนวโน้มเติบโตสูงในระยะยาว จากปัจจัยกระแสรักและดูแลสุขภาพ ที่ผู้บริโภคยุคใหม่มีความตื่นตัวด้านการดูแลตนเองมากขึ้น รวมถึงการเข้าสู่สังคมสูงวัยที่ส่งผลต่อความต้องการผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผลประกอบการที่ผ่านมาในปี 2565 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 41.60 ล้านบาท ต่อมาในปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 65.06 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2567 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 55.16 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมในปี 2565 อยู่ที่ 870.14 ล้านบาท ต่อมาในปี 2566 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,187.67 ล้านบาท และในปี 2567 มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,165.46 ล้านบาท