
ผู้ถือหุ้น RAM โหวตเอกฉันท์! ควักเงิน 3.7 พันล้าน ซื้อหุ้นเพิ่มทุน THG ดันถือ 49.99%
ผู้ถือหุ้น RAM อนุมัติซื้อหุ้นเพิ่มทุนแบบ PP ในธนบุรี เฮลท์แคร์ จำนวน 430.50 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 8.65 บาท มูลค่า 3.7 พันล้านบาท ดันสัดส่วนถือหุ้นแตะ 49.99%
บริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) หรือ RAM แจ้งผ่าน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าตามที่บริษัท ได้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568 ในวันที่ 10 มิถุนายน 2568 เวลา 10:00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 10 อาคาร 3 โรงพยาบาลรามคำแหง โดยมีผู้ถือหุ้นเข้าร่วมประชุมด้วยตนเองจำนวน 20 ราย เป็นจำนวนหุ้น 111,457,811 หุ้น และผู้รับมอบฉันทะ จำนวน 59 ราย เป็นจำนวนหุ้น 874,727,955 หุ้น รวมเป็นผู้ถือหุ้นที่เข้าร่วมประชุมทั้งสิ้น จำนวน 79 ราย เป็นจำนวนหุ้น 986,185,766 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 82.1821 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดครบเป็นองค์ประชุมตามข้อบังคับของบริษัทฯ จึงขอแจ้งมติที่ประชุมตามระเบียบวาระ ดังนี้
วาระที่ 1 พิจารณารับรองรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 30 เมษายน 2568 โดยที่ประชุมมีมติรับรองรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเห็นด้วยจำนวน 986,487,866 คิดเป็นร้อยละ 100
วาระที่ 2 พิจารณาอนุมัติการลงทุนเพิ่มเติมในหุ้นสามัญของ บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG ซึ่งอาจถือเป็นการรับโอนกิจการของบริษัทอื่นมาเป็นของ RAM
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติอนุมัติการลงทุนเพิ่มเติมในหุ้นสามัญของ THG อาจถือเป็นการรับโอนกิจการของบริษัทอื่นมาเป็นของ RAM ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ (3/4) ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้น ซึ่งมาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน โดยที่ประชุมมีมติเห็นด้วยจำนวน 986,513,586 คิดเป็นร้อยละ 100
ก่อนหน้านี้ 20 พ.ค. ที่ผ่านมา RAM ได้มีหนังสือขอเรียนเชิญประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2568 โดยมีวาระที่ 2 คือมติอนุมัติให้ RAM ลงทุนเพิ่มเติมในหุ้นสามัญของ THG โดยมีรายละเอียด คือ
1.) การเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ THG ที่เสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) บริษัทฯ จะดำเนินการเข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ THG ที่เสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ให้แก่บริษัทฯ เพียงรายเดียว เป็นจำนวน 430,500,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ใน ราคาเสนอขายที่หุ้นละ 8.65 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3,723.83 ล้านบาท (“การซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน PP ของ THG”)
ปัจจุบัน บริษัทฯ ถือหุ้นใน THG เป็นจำนวน 208,378,474 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 24.59 ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ THG ซึ่งภายหลังการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน PP ของ THG จะทำให้บริษัทฯ ถือหุ้นใน THG เป็นจำนวน 638,878,474 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 49.99 ของจำนวนหุ้นที่ออก และจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ THG (ภายหลังการจดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วในส่วนหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ THG ที่เสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด)
ทั้งนี้ ภายหลังการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน PP ของ THG บริษัทฯ จะถือหุ้นใน THG เพิ่มขึ้นจากสัดส่วน ร้อยละ 24.59 เป็นร้อยละ 49.99 ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ THG (ภายหลังการจด ทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วในส่วนหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ THG ที่เสนอขายให้แก่บุคคลในวงจ ากัด)ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ มี การได้มาซึ่งหุ้นสามัญของ THG เพิ่มขึ้นจนข้ามร้อยละ 25.00 ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ THG จึงทำให้ บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ THG (Mandatory Tender Offer) ตามหลักเกณฑ์ของ ประกาศคณะกรรมการก ากับตลาดทุน ที่ ทจ. 12/2554
2.) การจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ THG ที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ภายหลังจากที่บริษัทฯ ได้รับการขอผ่อนผัน Whitewash จากส านักงาน ก.ล.ต. และได้ท าการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน PP ของ THG ดังกล่าวแล้วเสร็จและกลายเป็นผู้ถือหุ้นใน THG คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 49.99 ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของ THG (ภายหลังการจดทะเบียนเพิ่มทุนช าระแล้วในส่วนหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ THG ที่เสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด) THG จะดำเนินการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) อีกจำนวน 511,186,960 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ในอัตราส่วน 5 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 2 หุ้นสามัญเพิ่มทุน (คำนวณจากจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการจดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วในส่วนหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ THG ที่เสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด) ในราคาเสนอขายที่หุ้นละ 5.00บาท
โดยบริษัทฯ จะใช้สิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ ใน THG เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ และบริษัทฯ จะไม่ใช้สิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวเกินสัดส่วน (Oversubscribe) (“การจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน RO ของ THG”)
ทั้งนี้ ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ของ THG ใช้สิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ THG ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ครบทั้งจำนวน จะส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ ใน THG อยู่ที่ร้อยละ 49.99 ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ THG ภายหลังการจดทะเบียนเพิ่มทุนช าระแล้วในส่วนหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ THG ที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น(Rights Offering) และในกรณีที่ไม่มีผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ของ THG ใช้สิทธิจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ THG ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) จะส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ ใน THG มีจำนวนเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นร้อยละ 58.33 ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ THG ภายหลังการจดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วในส่วนหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ THG ที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ซึ่งหากมีกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น บริษัทฯ จะไม่มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ THG (Mandatory Tender Offer) เนื่องจากเป็นกรณีที่ได้รับยกเว้นการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ภายใต้หลักเกณฑ์ของประกาศ ทจ.12/2554