PTTEP คว้าสัมปทาน “Reggane II” แอลจีเรีย ลุยขยายธุรกิจก๊าซธรรมชาติ

นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ขอแจ้งว่า บริษัท พีทีทีอีพี แอลจีเรีย จำกัด หรือ PTTEP AG ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ PTTEP ร่วมกับ บริษัท Eni Algeria Exploration B.V. หรือ Eni ได้ชนะการประมูลแปลงสัมปทาน Reggane II จากการประมูลแปลง สัมปทานบนบกปี 2567 ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย (Algeria Bid Round 2024)

โดยทาง Eni (ผู้ดำเนินการ) มีสัดส่วนการลงทุนที่ร้อยละ 66 และ PTTEP AG มีสัดส่วนการลงทุนที่ร้อยละ 34 ซึ่งจะมีการลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิต (Production Sharing Contract: PSC) ต่อไป

อีกทั้ง แปลง Reggane II ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศแอลจีเรีย ครอบคลุมพื้นที่ 40,827.57 ตารางกิโลเมตร ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ที่มีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ค้นพบแล้วและพื้นที่ที่มี ศักยภาพในการสำรวจเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้า บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ PTTEP แจ้งข้อมูลผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2567 ว่าบริษัท PTTEP SG Holding Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของปตท.สผ. ได้ลงนามในสัญญาซื้อขาย (Sale and Purchase Agreement : SPA) เพื่อเข้าซื้อหุ้นทุนในสัดส่วน 34% ในบริษัท E&E Algeria Touat B.V. จากบริษัท ENGIE International Corporation B.V. (ENGIE) ทั้งนี้การซื้อขายจะมีผลสมบูรณ์เมื่อบรรลุเงื่อนไขตามที่ระบุไว้ในสัญญาครบถ้วน รวมถึงการได้รับอนุมัติจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง โดยคาดว่าจะมีผลสมบูรณ์ภายในไตรมาส 2/2568

ทั้งนี้ส่งผลให้ปตท.สผ.ถือสัดส่วนการลงทุนทางอ้อมในโครงการ Touat ที่ 22.1% โดยผู้ร่วมทุนอื่นในโครงการประกอบด้วย บริษัท Eni Energy Touat Holding B.V. (บริษัทย่อยของ ENI) และบริษัท SONATRACH S.P.A. (บริษัทน้ำมันแห่งชาติของประเทศแอลจีเรีย) ถือสัดส่วน 42.9% และ 35% ตามลำดับ

สำหรับโครงการ Touat เป็นโครงการผลิตก๊าซธรรมชาติภายใต้ระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) ตั้งอยู่ในแหล่งปิโตรเลียมบนบก Timimoun ในประเทศแอลจีเรีย มีประมาณการปริมาณสำรองก๊าซธรรมชาติคงเหลือ 1.92 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต และก๊าซธรรมชาติเหลว (Condensate) คงเหลือ 5.4 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ (ณ วันที่ 1 มกราคม 2567) โครงการได้เข้าสู่ระยะการผลิตแล้วตั้งแต่ปี 2562 และปัจจุบันมีกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติที่ประมาณ 435 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และมีโอกาสในการเพิ่มกำลังการผลิตในอนาคต