“บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ” ไฟเขียววงเงินล็อตแรก 1.1 แสนลบ. คาดดัน GDP โตเพิ่ม 0.4%

รองนายกฯ “พิชัย” เผย ที่ประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ เคาะวงเงินล็อตแรกกว่า 1.1 แสนล้านบาท ยืนยันเงินกระจายทั่วประเทศ เน้นจังหวัดรายได้ต่ำ จ้างงานเพิ่มกว่า 3 หมื่นล้านบาท คาดช่วยดัน GDP เพิ่มอีก 0.4% ขณะที่นายกฯ กำชับให้ดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมตั้ง “อนุกรรมการ” ติดตามทุกโครงการ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 มิ.ย.68) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 3/2568 ซึ่งมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกรอบวงเงินลอตแรกกว่า 110,000 ล้านบาท จากกรอบรวม 157,000 ล้านบาท เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 24 มิถุนายนนี้

ทั้งนี้ โครงการที่ได้รับอนุมัติเป็นโครงการที่หน่วยงานต่าง ๆ เคยเสนอไว้ล่วงหน้า โดยผ่านการกลั่นกรองจากคณะอนุกรรมการ ซึ่งได้คัดเลือกจากคำขอที่เสนอเข้ามามากกว่า 300,000 ล้านบาท ให้เหลือวงเงินที่สามารถดำเนินการได้จริงตามวัตถุประสงค์ โดยกระจายงบประมาณไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวต่ำจะได้รับสัดส่วนมากกว่าจังหวัดที่มีรายได้เฉลี่ยสูง เช่น กรุงเทพมหานคร และระยอง

นายพิชัย กล่าวว่า งบประมาณกว่า 30,000 ล้านบาท หรือประมาณ 30% ของวงเงินที่อนุมัติในลอตแรก จะเกี่ยวข้องกับการจ้างแรงงานในระดับพื้นที่ โดยคาดว่าจะส่งผลต่อการจ้างงานราว 6-7 ล้านคน

สำหรับโครงการที่ได้รับการพิจารณาในลอตแรก ครอบคลุม 4 ด้านหลัก โดยเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐานน้ำและคมนาคม ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 70% การท่องเที่ยว 10% ส่วนที่เหลือเป็นโครงการในด้านอื่น ๆ

ขณะที่ความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจจากนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ ยังส่งผลให้มีการเสนอแผนรองรับเพิ่มเติม เช่น มาตรการการเงิน การศึกษา

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยให้เจ้ากระทรวงที่กำกับดูแลรับผิดชอบอย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมตั้งคณะอนุกรรมการติดตามและประเมินผล เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้

รองนายกฯ และ รมว.คลัง กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังมีคำขอจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชนกว่า 60,000 ล้านบาท โดยบางส่วนยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐมนตรีต้นสังกัด หรือมีความซ้ำซ้อน จึงต้องมีการพิจารณาเพิ่มเติมก่อนจะตัดสินใจจัดสรรงบประมาณในระยะถัดไป

ทั้งนี้ งบประมาณที่ได้รับการอนุมัติต้องดำเนินการผูกพันภายในวันที่ 30 กันยายน 2568 และต้องใช้จ่ายภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี โดยรัฐบาลจะติดตามผลต่อเนื่อง จนถึงปี พ.ศ. 2571 เพื่อดึงดูดการลงทุนในระยะยาว

นายพิชัย ประเมินว่า หากสามารถใช้งบได้ครบทั้ง 157,000 ล้านบาท จะช่วยผลักดัน GDP ให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นราว 0.5-0.6% แต่หากใช้ได้ตามกรอบที่พิจารณาแล้วประมาณ 110,000 ล้านบาท คาดว่าจะช่วยสนับสนุน GDP เพิ่มขึ้นราว 0.4-0.5% ซึ่งตรงนี้หากหักสิ่งที่เคยบอกเอาไว้แล้วตอนจะใช้เงิน ก็น่าจะเหลือ 0.4%

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบการปรับเปลี่ยนแนวทางใช้เงินจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท มาสู่แผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้วงเงิน 157,000 ล้านบาท 4 ด้าน ได้แก่

  1. โครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำและคมนาคม
  2. การส่งเสริมการท่องเที่ยว
  3. การเพิ่มผลิตภาพและลดผลกระทบจากการส่งออก
  4. เศรษฐกิจชุมชนและอื่น ๆ

Back to top button