
ศึกนอก ศึกใน..พังกันหมด
หากอ้างอิงข้อมูลสถิติข่าวยอดนิยมบน “เว็บไซต์ข่าวหุ้น” ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาจะเห็นว่า แฟนคลับให้ความสนใจกับเรื่องต่างประเทศอย่างเห็นได้ชัด
หากอ้างอิงข้อมูลสถิติข่าวยอดนิยมบน “เว็บไซต์ข่าวหุ้น” ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาจะเห็นว่า แฟนคลับให้ความสนใจกับเรื่องต่างประเทศอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกันเมื่อเจาะลึกลงไปในรายละเอียดที่มากขึ้นจะเห็นว่า ข่าวที่รายงานถึงตลาดหุ้นต่างประเทศได้รับความนิยมมากสุด ต่อจากนั้นเป็นข่าวที่รายงานถึงความขัดแย้ง และภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีคนอ่านข่าวเยอะ ส่วนข่าวที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นไทยกลับไม่มีคนสนใจพะยะค่ะ
ตรงนี้คือโมเมนตัมที่ชี้ให้เห็นว่า ตลาดหุ้นไทยน่าจะตกอยู่ในภาวะซึมกระทือไปอีกนาน เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจกับเหตุการณ์ในอนาคต ซึ่งดูได้จากไทม์ไลน์ต่าง ๆ ที่ไล่เรียงตั้งแต่เรื่องสงคราม “อิหร่าน” กับ “อิสราเอล” ถัดมาก็เป็นเรื่องพิพาทพรมแดนระหว่าง “ไทย” กับ “เขมร” และในเดือนหน้าจะมีเรื่องเทรดวอร์ แถมในระหว่างทางต้องลุ้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศอีกแบบนี้..หุ้นไทยขึ้นยาว ๆ ไหวเหรอคะ
งานนี้ใครจะคิดว่า อีฉันเปลี่ยนมุมมองต่อตลาดหุ้นไทยแล้วเหรอ? อีฉันเลยขอตอบว่า สถานการณ์หลายอย่างไม่เป็นเหมือนที่ประเมินไว้ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะทู่ซี้ให้แฟนคลับลุยไฟ ส่งผลให้การยืนปิดที่ระดับ 1,113.58 จุด ลบไป 0.91 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.75 หมื่นล้านบาท น่าจะเป็นแค่การประคองตัวธรรมดา ๆ ซึ่งไม่มีนัยอะไรมากมาย เพราะเป็นความพยายามที่จะเด้งขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ก่อนจะยอมจำนนเหมือนรอบก่อน ๆ เจ้าค่ะ
ในเมื่อหลายอย่างยังมีขมุกขมัว “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่มีเรื่องดีลลับโผล่ขึ้นมาให้เป็นประเด็น โดยเฉพาะในมุมคอการเมืองที่มีการแชร์ให้ว่อนว่า เพื่อไทยกำลังใช้ความพยายามบีบภูมิใจไทยอย่างหนัก เพื่อให้พรรคสีน้ำเงินรีบคืน ก.มหาดไทยแต่โดยดี เพราะเป็นรู้กันดีว่า พรรคสีแดงว้อนท์กระทรวงนี้มาก ๆ เพราะเป็นการเตรียมตัวสู้ศึกเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอีกสองปีข้างหน้านะจ๊ะ
ที่น่าสนใจคือ ดีลนี้ทำท่าจะเป็นจริงเหมือนที่แชร์กันเสียด้วย เพราะคิง เพาเวอร์ก็ตกอยู่ในสถานการณ์บ่อจี๊ และกำลังดิ้นรนหาทางคืนสัปทานโดยไม่เสียค่าปรับ โดยคนที่คุมตรงนี้ก็คือ “สุริยะ” ที่นั่งเป็นเจ้ากระทรวงคมนาคม ส่งผลให้พวกสู่รู้เชื่อไปก่อนแล้วว่า ดีลแลกกระทรวงอาจเกิดขึ้นในอนาคต เพราะฝ่ายหนึ่งก็ได้ในสิ่งที่ต้องการ ส่วนอีกฝ่ายก็ได้ช่วยเหลือเพื่อนพ้องแบบนี้..สมประโยชน์อย่างแท้ทรู!
งานนี้จริงเท็จประการใด ก็ต้องดูกันไปเรื่อย ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนสามารถรับรู้จากดีลดังกล่าวก็คือ เราได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้บ้าง! เพราะสุดท้ายก็เป็นเพียงแค่การตบจูบเพื่อแย่งชิงเก้าอี้ธรรมดา “โมนิก้า” จึงไม่แปลกใจที่เศรษฐกิจไทยไม่ขยับเขยื้อนไปในทางที่ดีขึ้นเลย ผนวกกับตัวรัฐบาลก็ไม่ประสีประสาอะไรทั้งนั้น เดี๊ยนเลยไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครดี? หลังไม่มีใครช่วยใครได้เลยพับผ่าซิ!
เม้าท์ถึงเรื่องประหลาดขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอหันไปดูหุ้น MCOT สักนิดหนึ่ง เพราะการขึ้นของหุ้นในช่วงหลัง ๆ มาในแนววันเดียวเลิก อีฉันเลยสงสัยการขึ้นมาปิดที่ระดับ 4.48 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 2.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 73 ล้านบาท มาจากประเด็นอะไร? เพราะในมุมของ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ก็ไม่มีเอี่ยวอะไรกับเขาเลย หรือในมุมของทีวีดิจิทัลก็ขาดทุนตะพึดตะพือ..แล้วหุ้นมันขึ้นได้อย่างไรล่ะจ๊ะ
ตบท้ายกันที่ศึกหม้อร้อนกันดีกว่า! เนื่องจากในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมามีคนเม้าท์ถึงเรื่องนี้กันอย่างเมามัน โดยเฉพาะการประกาศสงครามราคาระหว่างสุกี้ “MK” กับ “ตี๋น้อย” มันทำให้ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ได้ประโยชน์เต็ม ๆ “โมนิก้า” เลยมองว่า ศึกหม้อร้อนคงเป็นหนังเรื่องยาวอย่างแน่นอน แถมตอนนี้ไม่มีใครยอมใครเสียด้วย จึงเป็นจังหวะที่ทุกคนแฮปปี้สุด ๆ ส่วนผู้ถือหุ้นของแต่ละฝั่งจะแฮปปี้ไหม?..คงต้องรอประกาศงบถึงจะรู้..อิอิอิ
โมนิก้าและทีมงาน