
“ฮุน เซน” โต้ฝ่ายค้านไทย เสนอระงับส่งออกน้ำมัน “กัมพูชา” ลั่นปตท.เสียหายก่อน
ฮุนเซนโพสต์เดือด! สวนกระแสข้อเสนอหยุดส่งน้ำมันจากไทย ลั่นกัมพูชาไม่สะเทือน เตือน ปตท.อาจเสียหายก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงจุดยืนกรณีที่มีข้อเสนอจากฝ่ายค้านในประเทศไทยให้รัฐบาลไทยระงับการส่งออกน้ำมันไปยังกัมพูชา โดยระบุว่า กัมพูชาจะไม่ล่มสลายเพียงเพราะไทยหยุดส่งออกน้ำมัน พร้อมเตือนว่าผลกระทบจากการดำเนินการดังกล่าวจะตกอยู่กับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ของไทย ซึ่งมีสถานีบริการน้ำมันเปิดดำเนินการอยู่ในกัมพูชา
สมเด็จฮุน เซน ระบุว่า การใช้ทรัพยากร เช่น น้ำมัน เป็นเครื่องมือกดดันทางการเมือง เป็น “เกมอันตรายที่อาจย้อนกลับมาสร้างความเสียหายต่อตนเอง” โดยชี้ว่าหากประเทศไทยตัดสินใจหยุดส่งออกน้ำมันมายังกัมพูชา บริษัท ปตท. ของไทยซึ่งมีการดำเนินธุรกิจในกัมพูชา อาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง พร้อมตั้งคำถามว่า “ต้องการให้บริษัท ปตท. ของไทยล้มละลายจริงหรือไม่”
ในถ้อยแถลง สมเด็จฮุน เซน ยังกล่าวถึงความสัมพันธ์ด้านแรงงานระหว่างสองประเทศ โดยอ้างถึงกรณีในอดีตที่แรงงานกัมพูชาเคยถูกใช้เป็นเครื่องมือในการกดดันทางการเมืองจากฝ่ายไทย พร้อมระบุว่า เมื่อกัมพูชาประกาศจะรับแรงงานของตนกลับ ประเทศไทยกลับเปลี่ยนท่าที เนื่องจากแรงงานกัมพูชาเป็นกำลังสำคัญในภาคอุตสาหกรรมของไทย เช่น โรงงาน ฟาร์ม และสถานที่ก่อสร้าง หากแรงงานเหล่านี้เดินทางกลับประเทศ อาจทำให้หลายกิจการในไทยต้องหยุดชะงักหรือปิดกิจการลง
“หากไทยกล้าที่จะขับไล่แรงงานกัมพูชาทั้งหมด ก็ขอให้ดำเนินการ แล้วเราจะได้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยจะเป็นอย่างไร” สมเด็จฮุน เซน กล่าว
ในประเด็นน้ำมัน สมเด็จฮุน เซน ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ฝ่ายไทยควรหารือกับบริษัท ปตท. อย่างรอบคอบก่อนดำเนินมาตรการดังกล่าว เพราะอาจส่งผลต่อเสถียรภาพของธุรกิจ โดยเฉพาะเมื่อ ปตท. ยังคงมีสถานีบริการน้ำมันในกัมพูชา หรือมิฉะนั้น ประเทศไทยอาจต้องจัดหาน้ำมันจากแหล่งอื่นมาทดแทนเพื่อรองรับตลาดในกัมพูชา
โดยในฐานะหัวหน้าพรรค สมเด็จฮุน เซน แนะนำให้รัฐบาลกัมพูชาพิจารณาทบทวนนโยบายการนำเข้าสินค้าจากไทยอย่างรอบคอบ เพื่อหลีกเลี่ยงการพึ่งพิงที่อาจกลายเป็นช่องทางให้ฝ่ายไทยใช้อิทธิพลกดดันในอนาคต หากสถานการณ์ตามแนวชายแดนยังไม่คลี่คลาย กัมพูชาควรพิจารณาชะลอการนำเข้าสินค้ากระป๋องจากประเทศไทย อาทิ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มชูกำลัง ปลากระป๋อง และผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์กระป๋อง พร้อมส่งเสริมการบริโภคสินค้าภายในประเทศหรือสินค้าจากประเทศอื่นแทน
พร้อมย้ำในช่วงท้ายว่า ประชาชนกัมพูชาควรมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล มองข้ามพรมแดน และเตรียมพร้อมรับมือกับบริบทใหม่ทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ในระยะยาว โดยเฉพาะช่วงหลังปี 2030 เป็นต้นไป