“คิง เพาเวอร์” งบปี 67 โคม่า! ขาดทุน 937 ล้าน กระทบเจรจา AOT ปรับสัญญายาก

คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี เจอศึกหนัก ผลขาดทุนปี 67 ทะลุ 937 ล้านบาท สะท้อนภาระหนี้-ปัญหาสภาพคล่อง เร่งเจรจา AOT ขอปรับเงื่อนไขสัมปทาน ด้านท่าอากาศยานไทย ยันต้องผ่านบอร์ด-ที่ปรึกษาอิสระก่อนเคาะ ขณะที่โบรกแนะ “ขาย” ราคาเป้าหมาย 20 บาท มองดีลยังเสี่ยงสูงเจรจาไม่ง่าย


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (26 มิ.ย.68) สถานการณ์ทางการเงินที่ตึงเครียดของ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) กำลังส่งผลกระทบอย่างมากต่อการเจรจาสัญญาที่กำลังดำเนินอยู่กับ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT โดยจากข้อมูลล่าสุดพบว่า KPD กำลังเผชิญกับผลขาดทุนที่ลึกขึ้น และฐานะผู้ถือหุ้นที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ณ สิ้นปี 2567

KPD ซึ่งดำเนินธุรกิจร้านค้าปลอดอากรของคิง เพาเวอร์ในสนามบินหลักทั่วประเทศไทย เพิ่งเปิดเผยงบการเงินประจำปี 2567 ซึ่งแสดงผลขาดทุนสุทธิ 937 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากปี 2566 ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 651 ล้านบาท ความสามารถในการฟื้นตัวทางการเงินของบริษัทจึงตกอยู่ภายใต้การจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยส่วนของผู้ถือหุ้นทั้งหมดของบริษัทลดลงจาก 16,000 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2566 เหลือเพียง 672 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2567

หนึ่งในประเด็นที่สร้างความกังวลให้กับผู้มีส่วนได้เสียคือ ต้นทุนดอกเบี้ยของ KPD ที่พุ่งสูงขึ้นถึง 272% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า คิดเป็นมูลค่า 640 ล้านบาท สะท้อนถึงภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้นและสภาพคล่องทางการเงินที่ตึงตัวของผู้ประกอบการร้านค้าปลอดอากรรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย

ขณะที่ บริษัทต้องเผชิญกับอุปสงค์การเดินทางที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ การแข่งขันที่รุนแรง รวมถึงปัจจัยลบจากภายนอก เช่น ผลกระทบต่อเนื่องจากโรคระบาด และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์

โดยงบการเงินล่าสุดนี้ออกมาในช่วงเวลาสำคัญ เนื่องจาก KPD กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาอย่างเข้มข้นกับ AOT โดยขอผ่อนผันเงื่อนไขในสัญญาสัมปทานสนามบิน รวมถึงการยกเลิกเงื่อนไขการจ่ายค่าตอบแทนขั้นต่ำ (Minimum Guarantee) ซึ่ง KPD ให้เหตุผลว่าปัจจัยภายนอกหลายด้าน ทั้งการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวจีน ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาครัฐที่กระทบต่อธุรกิจดิวตี้ฟรี ได้บั่นทอนศักยภาพในการสร้างรายได้ของบริษัทอย่างรุนแรง

อย่างไรก็ตาม AOT ยังยืนยันว่าการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขใด ๆ จะต้องผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท และการตรวจสอบโดยบุคคลภายนอกเสียก่อน ขณะที่การเจรจายังดำเนินอยู่ จุดยืนของ AOT อาจแข็งแกร่งขึ้นจากสถานะการเงินที่อ่อนแอกว่าที่คาดของ KPD ซึ่งอาจช่วยให้ AOT มีอำนาจต่อรองเพื่อผลักดันเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์ต่อบริษัทมากขึ้น

ด้านนักลงทุนในตลาดต่างจับตามองราคาหุ้น AOT หลังจากฟื้นตัวเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 68 ปรับขึ้นราว 5% แม้จะไม่มีพัฒนาการใหม่ที่ชัดเจน นอกเหนือจากการเปิดเผยงบการเงินของ KPD ที่ควรเป็นปัจจัยลบต่อหุ้น

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) (CGSI) ให้ความเห็นต่อสถานการณ์นี้ว่า แม้ผลขาดทุนสุทธิของ KPD ในปี 2567 จะออกมาต่ำกว่าประมาณการณ์ในกรณีแย่ที่สุดของบริษัทหลักทรัพย์ แต่การลดลงของส่วนผู้ถือหุ้นยังเป็นสัญญาณอันตรายที่ชี้ถึงความเปราะบางของบริษัท

โดย CGSI ยังคงสมมติฐานพื้นฐานว่ามีความเป็นไปได้ที่ KPD จะสามารถขอยกเลิก Minimum Guarantee ได้จากสถานะทางการเงินที่เสี่ยงและคำร้องขอผ่อนผันสัญญาที่ดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ CGSI ยังคงคำแนะนำ Reduce” สำหรับหุ้น AOT พร้อมราคาเป้าหมายที่ 20 บาท สะท้อนถึงความไม่แน่นอนที่ยังคงปกคลุมการเจรจาสำคัญครั้งนี้

Back to top button