LTS ยัน! ไร้กระทบ “สหรัฐ” จำกัดส่งออกชิป มั่นใจรายได้ปี 68 แตะพันล้าน

LTS ยืนยันไม่ได้รับผลกระทบมาตรการ “สหรัฐ” จำกัดการส่งออกชิป AI เนื่องจากบริษัทรับงานจาก Siam AI ที่เป็นผู้สั่งซื้อชิป NVIDIA เพื่อให้บริการ ไม่ได้นำเข้าเพื่อมาจำหน่าย พร้อมคงเป้ารายได้ปีนี้แตะ 1 พันล้าน กำไรโต 20–30%


นายภัฏ ตรัสโฆษิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลท์อัพ โทเทิล โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ LTS เปิดเผยว่า บริษัทไม่มีความเสี่ยงหรือได้รับผลกระทบโดยตรงจากกรณีที่สหรัฐฯ อยู่ระหว่างร่างมาตรการเพื่อจำกัดการส่งออกชิป AI ไปยังบางประเทศ เช่น มาเลเซียและไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้ชิปดังกล่าวถูกส่งต่อไปยังประเทศจีน

ทั้งนี้ LTS ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเข้าชิปเพื่อส่งต่อไปยังจีน โดยปัจจุบัน LTS ให้บริการออกแบบและติดตั้งระบบ AI Infrastructure รวมถึงบริการ Commissioning ให้กับหน่วยงานและบริษัทเอกชนในประเทศไทย โดยร่วมมือกับ บริษัท สยาม เอไอ คอร์เปอเรชั่น จำกัด เป็นผู้ให้บริการคลาวด์และโครงสร้างพื้นฐาน AI ประสิทธิภาพสูงในประเทศไทยซึ่งเป็น NVIDIA Cloud Partner (NCP) รายเดียวในประเทศไทยที่ได้รับสิทธิในการสั่งซื้อชิป Nvidia โดยตรงจากสหรัฐฯ หากมาตรการของสหรัฐฯ มีผลบังคับใช้ในอนาคต อาจส่งผลให้การนำเข้าชิปต้องขออนุญาตเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวไม่ได้ห้ามใช้งานภายในประเทศ การให้บริการระบบ AI และ Data Center จึงยังดำเนินได้ตามปกติ อีกทั้งความต้องการใช้งาน AI ในไทยยังมีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในระยะสั้นบริษัทยังมองโอกาสเชิงบวกจากสถานการณ์ดังกล่าว เนื่องจากลูกค้าหลายรายอาจเร่งตัดสินใจนำเข้าชิปล่วงหน้า ส่งผลให้โครงการวางระบบมีแนวโน้มรวดเร็วขึ้น

“ธุรกิจของ LTS ไม่ได้พึ่งพาลูกค้าจากจีน เรามุ่งเน้นรองรับความต้องการของทางลูกค้าในประเทศไทย ที่มีความต้องการบริการติดตั้ง commissioning และอัพเดทอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับ Data Center  และ LTS ประเมินความต้องการใช้งานในไทยยังคงสูง โดยพันธมิตรหลัก SiamAI เป็นบริษัทเดียวในไทยที่ได้รับใบรับรองมาตรฐานอย่างเป็นทางการจาก NVIDIA ว่าเป็น NCP ได้รับใบอนุญาตในการสั่งสินค้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไร้ผลกระทบจากมาตรการของประธานาธิบดีทรัมป์  เพราะบริษัทฯ รับงานจาก SiamAI นำเข้าเพื่อให้บริการ ไม่ได้นำเข้าเพื่อมาจำหน่ายและไม่มีการขายต่อไปจีนอยู่แล้ว พร้อมกันนี้มั่นใจว่าสามารถสร้างรายได้ตามเป้าหมายที่ 1,000 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้าหมายกำไรสุทธิปี 2568 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20–30% เมื่อเทียบกับปี 2567 ซึ่งมีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 80.03 ล้านบาท” นายภัฏ กล่าว

Back to top button