
SAPPE เด้ง 8% โบรกชูเป้า 37 บ. ชูยีลด์ 6% พ่วงยอดขายไทย-ยุโรปโตเด่น
SAPPE เด้ง 8% บล.พาย ปรับคำแนะนำขึ้น “ถือ” ให้ราคาเป้าหมาย 37 บาท รับสัญญาณฟื้นยุโรปและยอดขายในไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องจากสินค้าใหม่รับกระแสสุขภาพ ด้านปันผลยังสูงกว่าตลาดที่ 5–6% ต่อปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (23 ก.ค. 68) ราคาหุ้น บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE ณ เวลา 14:10 น. อยู่ที่ระดับ 37.00 บาท บวก 3.00 บาท หรือ 8.82% ราคาสูงสุดอยู่ที่ 37.50 บาท ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 34.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 63.97 ล้านบาท
บริษัท หลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) ปรับคำแนะนำขึ้นจาก “ขาย” เป็น “ถือ” มูลค่าพื้นฐาน 37.00 บาท พร้อมรับปันผล 5-6% รอการฟื้นตัว การลดสต็อคคู่ค้าในยุโรปเริ่มคลี่คลาย โดยสต็อกของคู่ค้าในสหราชอาณาจักรกลับสู่ภาวะปกติในเดือน พ.ค. 2568 และสต็อกของคู่ค้าในฝรั่งเศสกลับสู่ภาวะปกติในเดือน ก.ค. 2568 ระยะสั้นคาดรายงานกำไรสุทธิไตรมาสที่ 2/68 ที่ 259 ล้านบาท ลดลง 37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน, เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดในไตรมาสที่ 4/67 หนุนจากยอดขายในทุกทวีปที่ฟื้นตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แม้ว่าอัตรากำไรจะลดลงบ้างจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า
ทั้งนี้ ยอดขายในยุโรปยังคงเป็นหัวใจหลักในการเติบโตของ SAPPE โดย บล.พายยังคงมุมมองอนุรักษ์นิยม โดยสมมติฐานยอดขายรวมในปี 2568 ลดลง 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ใกล้เคียงกับกรอบล่างของตั้งเป้ายอดขายบริษัทในปี 2568 ที่ ลดลง 10% ถึงลดลง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน แม้ยุโรปมีการฟื้นตัวเร็วกว่าคาดแต่ยังคงมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจและการแข่งขันในหลายๆภูมิภาค
อีกทั้งทางนักวิเคราะห์ยังมองตลาดในทวีปเอเชียรับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวในตลาดสำคัญ ๆ ประเทศเกาหลีใต้และประเทศอินโดนีเชีย นอกจากนี้ช่วงไตรมาสที่ 1/68 ยังได้รับผลกระทบจากการสต็อกสินค้าล่วงหน้าก่อนช่วงรอมฎอน แต่ยอดขายฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แล้วในช่วงไตรมาสที่ 2/68 โดยนักวิเคราะห์ประเมินยอดขายในครึ่งหลังปี 2568 ดีกว่าครึ่งแรกปี 2568 เล็กน้อย จากการแข่งขันด้านราคาที่ลดลง บวกกับยอดขายในประเทศที่ยังไม่เป็น Gems ที่มีแนวโน้มเติบโตดี
ทางฝั่งตลาดในทวีปอเมริกา มีแนวโน้มฟื้นตัวจากช่วงไตรมาสที่ 1/68 ที่เป็นจุดต่ำสุดในรอบ 5 ไตรมาส แต่คาดยังลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง 2568 จากราคาขายปลีกที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจาก 1.5-1.7 ดอลลาร์สหรัฐ/ขวด เป็น 2 ดอลลาร์สหรัฐ/ขวด ซึ่งจะใกล้เคียงกับราคาขายของคู่แข่งขันในเครื่องดื่มที่คล้ายคลึงกัน
ทั้งนี้ แม้ยอดขายรวมของ SAPPE ชะลอตัวตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 3/67 จากยอดขายในยุโรปที่ชะลอตัวเนื่องจากยอดขายเข้าและขายออกจากร้านค้าปลายทางไม่สมดุลกัน โดยนักวิเคราะห์เริ่มเห็นสัญญาณแรงกดดันจากการลดสต็อคคู่ค้าในยุโรปคลี่คลาย สต็อกของคู่ค้าในสหราชอาณาจักรกลับสู่ภาวะปกติในเดือนพ.ค. 2568 และสต็อกของคู่ค้าในฝรั่งเศสกลับสู่ภาวะปกติในเดือนก.ค. 2025 ทำให้ยอดขายในยุโรปมีโอกาสกลับไปใกล้ ๆ 300 ล้านบาทต่อไตรมาสในช่วง high season เทียบกับจุดต่ำสุดในไตรมาสที่ 4/67 ที่ 102 ล้านบาท
รวมถึงตลาดในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่อง จากการออกสินค้าใหม่ และกระแสนิยมใน Sappe Beauti Drink, Sappe Beauti Powder Stix และ B’lue นักวิเคราะห์ประเมินยอดขายทรงตัวเมื่อเทียบกับครึ่งปีก่อนหน้าแม้ครึ่งหลังของปีจะเป็น Low season กว่าครึ่งแรกของปี
อย่างไรก็ดี ยุโรปส่งสัญญาณฟื้นตัว มูลค่าพื้นฐาน 37.00 บาท ประเมินมูลค่าพื้นฐานโดยใช้วิธีอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) ที่ 12 เท่าของกำไรต่อหุ้นที่คาดการณ์ในปี 2568 หรือคิดเป็นส่วนลดราว 20% จากค่าเฉลี่ยกลุ่มเครื่องดื่ม สะท้อนการเติบโตที่มีแนวโน้มชะลอกว่ากลุ่ม (เดิม 29.00 บาท) หลังปรับมาณการกำไรปี 2568-2569 ขึ้น 6%-12% จากยอดขายในยุโรปที่ฟื้นตัวเร็วกว่าคาด