
เปิดโผ 8 หุ้นเด็ด! รับอานิสงส์ “หวยเกษียณ” เงินสะพัด 1.3 หมื่นล้าน
“บล.กรุงศรี” คัด 8 หุ้นบิ๊กแคป Laggard รับอานิสงส์ สภาฯผ่านร่างแก้ไข "พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ" เปิดทางจำหน่ายหวยเกษียณ ลุ้นเปิดขายไตรมาส 4/68 คาดหนุนเม็ดเงินออมไหลเข้าตลาดทุนปีละกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบ “ร่าง พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ (ฉบับแก้ไข)” ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่น่าจับตา เพราะผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง “หวยเกษียณ” หรือ Retirement Lottery ไม่เพียงช่วยสร้างวินัยการออมแก่ประชาชน แต่ยังเปิดประตูให้เกิด “แหล่งเงินทุนใหม่” ที่จะทยอยไหลเข้าสู่ตลาดทุนไทยอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งนี้หุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการเติบโตของฐานเงินออม-รายได้หลังเกษียณ เช่น กลุ่มโรงพยาบาล หุ้น Big Cap Laggard ก็อาจกลายเป็นกลุ่มเด่นที่ “ฟันด์โฟลว์” ระยะยาวมุ่งเข้ามากระจายลงทุนมากขึ้น
ทั้งนี้ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมข้อมูลกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ดังกล่าว โดยอาศัยข้อมูลจากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ซึ่งระบุในบทวิเคราห์ดังนี้ จากมติสภาผู้แทนราษฎร เห็นชอบ ร่างแก้ไขพ.ร.บ. กองทุนการออมแห่งชาติ เดินหน้านโยบาย หวยเกษียณ พร้อมปรับระยะเวลาและเงื่อนไขถอนเงิน ก่อนอายุ 60 ปี มีผลประโยชน์แก่ประชาชน ส่งต่อวุฒิสภาพิจารณาตราเป็นกฎหมายต่อไป และน่าจะเริ่มเปิดขายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/68 อิงหลักเกณฑ์
-เปิดขายทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 5.0 ล้านใบ
-สลากฉบับละ 50 บาท
-ซื้อสูงสุดเดือนละ 60 ฉบับต่อคน หรือไม่เกิน 3.0 พันบาท
-เงินซื้อสลากทุกบาทจะถูกสะสมไว้เป็นเงินออม และผู้ซื้อสสลากจะได้รับเงินออม พร้อมผลประโยชน์เป็นก้อนในครั้งเดียว
1.อายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ (สำหรับผู้ที่มอายุน้อยกว่า 60ปี)
2.ผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปี จะได้รับเงินคืนทั้งหมดเมื่อครบ 5 ปี นับแต่วันที่ซื้อสลาก และสามารถซื้อต่อไปได้คราวละ 5 ปี โดยในส่วนนี้อาจจะปรับปรุงกฎเกณฑ์เบิกเงินออมออกมาระหว่างทาง
บล.กรุงศรี ประเมินเงินกรณีดังกล่าวจะช่วยให้ประชาชนไทยมีความพร้อมเกษียณมากขึ้น หนุนศักยภาพจ่ายค่ารักษาพยาบาลซึ่งเป็นหนึ่งในค่าใช้จ่ายหลัก โดยมองบวกต่อหุ้นโรงพยาบาลเน้น BDMS
นอกจากนี้จับตาโอกาสที่กองทุนดังกล่าวจะเป็นภาพเสริม/เร่งให้ Domestic Long-Term Funds กลับมาเร็วขึ้น กล่าวคือ
KSS ประเมินหากคนออมเต็มจำนวน รอบละ 5 ล้านใบ จะมีเงินออมในระบบกว่าปีละ 1.3 หมื่นล้านบาท หากอิงนโยบายลงทุนกองทุนการออมแห่งชาติ(กอช.) ที่กำหนดลงทุนสินทรัพย์มั่นสูงไม่ต่ำกว่า 80% และสินทรัพย์อื่น เช่น หุ้น กองทุนไม่เกิน 20% แม้เม็ดเงินต่อปีระยะแรกที่มีโอกาสเข้าสู่ตลาดหุ้นจะยังไม่มากราวปีละ 2.6 พันล้านบาท แต่ประเมินอาจจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้น เพราะเม็ดเงินจะออกจากกองทุนได้จำกัด ทำให้เม็ดเงินจะทบกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนมีนัยสำคัญในระยะกลาง-ยาว
ในส่วนความคาดหวังต่อเม็ดเงินลงทุนระยะยาวก้อนใหม่ หากกองทุนดังกล่าวขายต่อเนื่องในระยะยาว หรือมีผลตอบรับที่ดีและมีการขยายโควตาการขายเพิ่มเติมในระยะถัดไป บวกต่อหุ้น Big Cap โดยเฉพาะกลุ่มที่ยัง Laggard ในรอบ SET ฟื้นตัวครั้งนี้ อาทิ KTC, SAWAD, BTS, HMPRO, BH, MTC, BDMS, CPALL