GULF ทุ่ม 3.3 แสนล้านบาท ลงทุนเมกะโปรเจกต์โรงไฟฟ้า-สถานี LNG

“สารัชถ์ รัตนาวะดี” ซีอีโอ GULF เปิดแผนลงทุนเมกะโปรเจกต์โรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาวและสถานี LNG ไทย มูลค่ารวม 3.3 แสนล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นฟื้นตัวกว่า 20% ดัน “สารัชถ์” ขึ้นแท่นเศรษฐีเบอร์หนึ่งไทย


สำนักข่าว “บลูมเบิร์ก” เปิดเผยว่า นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ประกาศแผนลงทุนกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นมูลค่า 3.3 แสนล้านบาท (เทียบอัตราแลกเปลี่ยน 32.69 บาท/ดอลาร์สหรัฐ) ในโครงสร้างพื้นฐานพลังงานขนาดใหญ่ครอบคลุมประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มุ่งขับเคลื่อนบริษัทสู่การเติบโตในอนาคต

โดยยุทธศาสตร์หลักของ GULF คือการเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจ็กต์ 2 รายการ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำสามแห่งในลาว มูลค่าประมาณ 9 พันล้านดอลลาร์ และโครงการสถานีรับ-แปรสภาพก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) แห่งที่สามของไทย มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างภายในปีนี้

ทั้งนี้กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ที่มุ่งเน้นการพัฒนาในด้านพลังงาน, ท่าเรือ, ทางด่วน และโทรคมนาคม ได้ขยายทิศทางการลงทุนให้ตอบโจทย์ความต้องการจากทั้งตลาดพลังงานสะอาด, ดาต้าเซ็นเตอร์ และบริการทางการเงินดิจิทัล

โดยในช่วงต้นปี GULF ประกาศลงทุน 1.75 พันล้านดอลลาร์ในศูนย์ข้อมูล (Data Center) แห่งใหม่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงกระแสขับเคลื่อนจากทั้งเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Digital Transformation และนอกจากนี้ทางบริษัทยังเริ่มบุกธุรกิจธนาคารดิจิทัล (Virtual Bank) หลังจากที่ได้รับใบอนุญาตมาเมื่อเดือนที่ผ่านมา

นายสารัชถ์ กล่าวอีกว่า GULF จะให้ความสำคัญกับโครงการในไทยและภูมิภาคมากขึ้น เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำกว่าตลาดต่างประเทศ และทางบริษัทก็มีทั้งศักยภาพและชื่อเสียงที่สร้างความได้เปรียบการแข่งขันบนท้องตลาด

แผนขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังน้ำและ LNG นั้นสอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวของ GULF ในการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากปัจจุบันราว 9,000 เมกะวัตต์ สู่การเติบโตอีก 34% ภายใน 10 ปีข้างหน้า โดยบริษัทมุ่งเน้นการขยายสัดส่วนพลังงานสะอาดในพอร์ตจาก 13% เป็น 40% ของกำลังผลิตรวมด้วยโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาว และโซลาร์-วินด์ฟาร์มในไทย โดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำทั้ง 3 แห่งในลาวจะเริ่มก่อสร้างการระหว่างปี 2574-2576

ขณะเดียวกันราคาหุ้น GULF ได้ฟื้นตัวขึ้นอย่างโดดเด่น โดยปรับเพิ่มกว่า 20% จากระดับต่ำสุดในเดือนมิถุนายน ส่งผลให้นายสารัชถ์กลับขึ้นแท่นเศรษฐีอันดับหนึ่งของไทยอีกครั้ง ด้วยความมั่งคั่งสุทธิประมาณ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button