
4 โบรกชั้นนำ! ประสานเสียงอัพเป้าหุ้น ADVANC สูงสุด 360 บาท
โบรกเกอร์ชั้นนำระดับโลกอย่าง J.P. Morgan, Goldman Sachs, HSBC และ Macquarie ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้น ADVANC โดยให้ราคาสูงสุด 360 บาท สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพธุรกิจและแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ (8 ส.ค.68) บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำระดับโลกหลายแห่งได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของหุ้นบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC สะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานและแนวโน้มการเติบโตของบริษัทในระยะต่อไป โดยรายละเอียดมีดังนี้
สำหรับ J.P. Morgan ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายหุ้น ADVANC เป็น 360.00 บาท จากเดิม 350.00 บาท ขณะที่ Goldman Sachs ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 305.00 บาท จากเดิม 300.00 บาท เช่นเดียวกับ HSBC ที่ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 350.00 บาท จากเดิม 340.00 บาท และ Macquarie ที่ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 300.00 บาท จากเดิม 297.00 บาท
ทั้งนี้ การปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของ ADVANC จากหลากหลายโบรกเกอร์ระดับโลก แสดงถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทในด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การให้บริการที่ครอบคลุม และการสร้างรายได้ที่มั่นคงในระยะยาว
สอดคล้องกับรายงานผลการดำเนินงานของ ADVANC ในไตรมาส 2/2568 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 10,982 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากค่าเสื่อมราคาและรายการตัดจำหน่ายที่ลดลง รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่ปรับตัวลดลง อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 19.6% เพิ่มขึ้นจาก 16.7% ในไตรมาส 2/2567 และ 18.8% ในไตรมาส 1/2568 สะท้อนการมุ่งเน้นสร้างความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง
ส่วน EBITDA อยู่ที่ 30,267 ล้านบาท เติบโต 7.6% เมื่อเทียบปีก่อนและเติบโต 0.7% เมื่อเทียบไตรมาสก่อน สอดคล้องกับการเติบโตของรายได้การให้บริการหลักและการบริหารต้นทุนอย่างรอบคอบ อัตรากําไร EBITDA อยู่ที่ 54% เพิ่มขึ้นจาก 53.4% ไตรมาส 1/2568
ขณะเดียวกัน ในไตรมาส 2/2568 AIS มีรายได้รวมอยู่ที่ 56,044 ล้านบาท เติบโตขึ้น 9.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนจากแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งของทุก
สำหรับธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่เติบโตต่อเนื่อง ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 เอไอเอสมีจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รวมทั้งสิ้น 46 ล้านเลขหมาย เพิ่มขึ้นสุทธิ 287,600 เลขหมาย แบ่งเป็นระบบเติมเงินเพิ่มขึ้นสุทธิ 165,100 เลขหมาย และระบบรายเดือนเพิ่มขึ้นสุทธิ 122,500 เลขหมาย โดยเป็นผลจากการรักษาฐานลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นคุณภาพ แม้จำนวนผู้สมัครใช้บริการรายใหม่จะลดลงจากมาตรการยืนยันตัวตนที่เข้มงวดขึ้นตามแนวทางการป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์
โดย ARPU (รายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายต่อเดือน) เติบโต 3.9% จากปีก่อนและเพิ่มขึ้น 2.1% จากไตรมาสก่อน สะท้อนการมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีคุณภาพสูง พร้อมกับการนำเสนอบริการมูลค่าเพิ่ม รวมถึงปริมาณการใช้งานเฉลี่ยต่อเลขหมายต่อเดือน (VOU) ที่เพิ่มขึ้นทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อน ตามแนวโน้มการใช้งานดาต้าที่เพิ่มขึ้น ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการส่งเสริมการใช้งาน 5G โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 จำนวนผู้ใช้บริการ 5G เพิ่มขึ้นเป็น 13.9 ล้านเลขหมาย คิดเป็น 30% ของฐานผู้ใช้บริการทั้งหมด เพิ่มขึ้น 32% จากปีก่อน และ 9.6% จากไตรมาสก่อน
ขณะที่บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงยังเติบโตแข็งแกร่ง จำนวนผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (AIS Fibre) ณ สิ้นไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 5.14 ล้านราย เพิ่มขึ้น 67,900 รายจากไตรมาสก่อน โดยการเติบโตดังกล่าวได้แรงหนุนจากการดึงดูดลูกค้าที่มีคุณภาพ พร้อมการรักษาฐานลูกค้าเดิมอย่างมีประสิทธิภาพ ARPU เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 519 บาท เพิ่มขึ้น 3.6% จากปีก่อน และ 0.2% จากไตรมาสก่อน จากการส่งเสริมแพ็กเกจมูลค่าเพิ่มและการนำเสนอนวัตกรรมสินค้าใหม่ ๆ
ทั้งนี้ช่วงครึ่งแรกปี 2568 กระแสเงินสดจากการดําเนินงานหลังภาษีเงินได้ตามรายงานอยู่ที่ 55,978 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2567 ตามการเพิ่มขึ้นของกําไร EBITDA โดยมีกระแสเงินสดจ่ายสำหรับการลงทุนอยู่ที่ 20,992 ล้านบาท ประกอบด้วยงบลงทุน 12,170 ล้านบาท และกระแสเงินสดจ่ายใบอนุญาตคลื่นความถี่โทรคมนาคม 8,123 ล้านบาท โดย AIS มีกระแสเงินสดอิสระ สำหรับช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 อยู่ที่ 26,141 ล้านบาท และมีเงินสดสุทธิเพิ่มขึ้น 1,893 ล้านบาท ส่งผลให้รายการเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเท่ากับ 20,714 ล้านบาท ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2568
นอกจากนี้ ADVANC ปรับเพิ่มประมาณการรายได้จากการให้บริการหลัก เติบโตระดับ 4-6% โดยผลประกอบการครึ่งแรกของปีมีแนวโน้มที่ดี และคาดว่าจะดำเนินต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง แม้เศรษฐกิจโดยรวมยังมีความท้าทาย
บริษัทมุ่งเน้นคุณภาพและการยกระดับประสบการณ์ใช้งานของลูกค้า เพื่อรักษาแนวโน้มการเติบโตอย่างยั่งยืนท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน และความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจกระทบต่อ GDP และกำลังซื้อของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม บริษัทจะยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอดช่วงเวลาที่เหลือของปี
โดย ADVANC ตั้งงบลงทุนปี 2568 ไว้ที่ 26,000–27,000 ล้านบาท เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของโครงข่าย และรองรับการควบรวมกิจการให้เสร็จสมบูรณ์ โดยจะเน้นผลตอบแทนที่คุ้มค่า รักษาทั้งคุณภาพและความน่าเชื่อถือของระบบเครือข่าย
สำหรับงบลงทุนดังกล่าวครอบคลุมการปรับปรุงโครงข่ายและอุปกรณ์ให้ทันสมัย ค่าใช้จ่ายในการควบรวมกิจการ และโครงการนำสายสื่อสารลงใต้ดิน โดยมุ่งเน้นที่บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ตามด้วยอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง และบริการลูกค้าองค์กร
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 มกราคม–30 มิถุนายน 2568 ในอัตรา 6.89 บาทต่อหุ้น โดยจ่ายจากกำไรสะสมบริษัท โดยกำหนดวันไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) คือวันที่ 19 สิงหาคม 2568 และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) คือวันที่ 20 สิงหาคม 2568 โดยบริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นวันที่ 3 กันยายน 2568