
ทส.เปิดข้อมูลศักยภาพผืนป่าไทย 102 ล้านไร่ ดูดซับคาร์บอนได้ถึง 28.6 ล้านตันต่อปี
อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ชี้ป่าไม้ทั่วประเทศรวม 102 ล้านไร่ ทำหน้าที่ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ 28.6 ล้านตันต่อปีและปล่อยออกซิเจน 20.8 ล้านตันต่อปี พร้อมใช้เทคโนโลยี 3 มิติเก็บข้อมูลคาร์บอน หนุนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืนของประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (12 ส.ค.) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า พื้นที่ป่าไม้ของประเทศไทยรวม 102 ล้านไร่ มีศักยภาพดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 28.6 ล้านตันคาร์บอนต่อปี และปล่อยก๊าซออกซิเจนสู่บรรยากาศ 20.8 ล้านตันต่อปี ทั้งนี้ พื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่อยู่ในความดูแลของกรมอุทยานฯ มีอยู่ 74.2 ล้านไร่ สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 22 ล้านตันต่อปี และปล่อยออกซิเจนได้ 16 ล้านตันต่อปี
โดยเฉพาะป่าต้นน้ำซึ่งเปรียบเสมือนอ่างเก็บน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ มีศักยภาพกักเก็บน้ำได้ 41.96 ล้านลูกบาศก์เมตร เทียบเท่ากับปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลถึง 3 เขื่อน กรมอุทยานฯ จึงให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาพื้นที่ป่าต้นน้ำและป่าประเภทอื่นอย่างเข้มงวด พร้อมดำเนินการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกใช้ประโยชน์ที่ดินป่าอย่างผิดกฎหมาย โดยขอความร่วมมือประชาชนช่วยสอดส่องดูแล
นายอรรถพล กล่าวว่า ปัจจุบันกรมอุทยานฯ ได้นำเทคโนโลยีภาพ 3 มิติ มาใช้ในรูปแบบอุปกรณ์ติดตัวเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เพื่อคำนวณปริมาณการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์และการปล่อยออกซิเจนจากพื้นที่ป่าที่เดินตรวจ ช่วยให้ได้ข้อมูลเบื้องต้นอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ส่วนการนำปริมาณคาร์บอนที่ป่าดูดซับไปขายเป็นคาร์บอนเครดิตนั้น นายอรรถพล ระบุว่าตามระเบียบปัจจุบันยังไม่สามารถดำเนินการได้ แต่มีการเก็บข้อมูลไว้เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลของประเทศ ขณะที่ภาคเอกชนสามารถร่วมปลูกป่าในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม เพื่อใช้ลดหย่อนการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ขององค์กรตนเองได้
สำหรับพื้นที่ป่าที่มีศักยภาพดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุด คือ ป่าดิบชื้นและป่าดิบเขาในภาคเหนือ ซึ่งนอกจากจะดูดซับคาร์บอนและปล่อยออกซิเจนได้มากแล้ว ยังเป็นแหล่งกำเนิดสายน้ำและช่วยก่อให้เกิดฝนตามฤดูกาล โดยข้อมูลล่าสุดพบว่า ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยรายปีในแต่ละประเภทป่าอยู่ที่ ป่าเต็งรัง 1,619.9 มิลลิเมตร, ป่าเบญจพรรณ 1,503.2 มิลลิเมตร, ป่าดิบแล้ง 1,647 มิลลิเมตร, ป่าดิบชื้น 2,158.5 มิลลิเมตร และป่าดิบเขา 2,317.1 มิลลิเมตร