
NDR โกยรายได้ Q2 แตะ 224 ล้าน ครึ่งปีหลังรุกตลาดจยย. ดันยอดขายทะลุ 1 พันล.
NDR เปิดรายได้ไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 224.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.47% จากปีก่อน หลังลุยขยายตลาดเพิ่ม กางแผนครึ่งหลังปี 68 รุกตลาดยางรถจักรยานยนต์เต็มสูบ พร้อมอัดแคมเปญ “PROUD TO BE INTREND” ดันยอดขายเติบโตตามเป้าที่ 900-1,000 ล้านบาท
นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี. รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR ผู้ผลิตและจำหน่ายยางนอกและยางในรถจักรยานยนต์ภายใต้แบรนด์ N.D.Rubber เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2/2568 บริษัทมีรายได้รวม 224.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.47% จากช่วงปีก่อนที่มีรายได้ 215.313 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 0.624 ล้านบาท โดยมีรายละเอียดดังนี้ โดยบริษัทมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 221.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.63% จากช่วงปีก่อน แต่ลดลง 4.08% จากไตรมาสก่อน สาเหตุจากกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นตัวและสถานะการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดน ทำให้ไม่สามารถส่งสินค้าไปยังประเทศกัมพูชาได้
ขณะที่ต้นทุนขาย คิดเป็น 80.45% ของรายได้ แม้จะลดลงเล็กน้อยจาก 81.32% ในไตรมาส 1/2568 แต่ยังอยู่ในระดับที่น่า พอใจและไม่มีความผันผวนมากนัก โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) อยู่ที่ 18.15% จาก 18.53% ในไตรมาส 1/2568
นายชัยสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ NDR กล่าวว่า แผนธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทยังคงมุ่งเน้นขยายตลาดยางรถจักรยานยนต์ ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และขยายช่องทางจำหน่ายทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งในช่วงกลางปีที่ผ่านมา บริษัทได้เสริมภาพลักษณ์แบรนด์ผ่าน Brand Ambassador “ลำไย ไหทองคำ” ภายใต้แคมเปญ “PROUD TO BE INTREND” จุดประกายสินค้ามีความทันสมัย เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่และแฟนคลับได้กว้างขวางยิ่งขึ้น ซึ่งได้รับกระแสการตอบรับได้ที่ดี พร้อมเชื่อมั่นว่าแคมเปญนี้ จะช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้ยอดขายปีนี้ของบริษัทเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 900-1,000 ล้านบาท
“แคมเปญรีแบรนด์ครั้งนี้ออกแบบมา เพื่อทำให้แบรนด์ N.D.Rubber มีความสดใหม่ เข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย โดยยังคงยึดมั่นในคุณภาพผลิตภัณฑ์และความปลอดภัย เพื่อกระตุ้นการรับรู้และขยายฐานผู้บริโภคภายในประเทศ ซึ่งเชื่อมั่นว่าแคมเปญนี้จะช่วยสร้างแรงผลักดันด้านการตลาดให้แข็งแกร่งและผลักดันยอดขายให้เติบโตได้ตามเป้าหมาย” นายชัยสิทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพ ตามแผนงานคาดว่าจะเริ่มติดตั้งเครื่องจักรภายในเดือนสิงหาคมนี้ และจะเริ่ม Test เครื่องจักรในเดือนกันยายน โดยคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 4/2568 ซึ่งตั้งเป้าปีนี้มีรายได้จากธุรกิจพลังงาน ราว 5-10 ล้านบาท บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าการเติบโตทั้งในธุรกิจหลักและธุรกิจใหม่ จะช่วยเสริมศักยภาพในการแข่งขัน และสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯได้อย่างยั่งยืน