ก.ล.ต. กวาดล้าง “ทุจริตตลาดทุน” เอาผิดอาญา-แพ่งแล้ว 28 คดี

ก.ล.ต.เปิดสถิติการบังคับใช้กฎหมายปี 2568 ดำเนินคดีอาญา 12 คดี 47 ราย และลงโทษทางแพ่ง 16 คดี 63 ราย รวมค่าปรับ-ชดใช้กว่า 175 ล้านบาท ย้ำความโปร่งใสตลาดทุน


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 15 กันยายน 2568 ก.ล.ต. ได้ดำเนินการบังคับใช้กฎหมายในคดีอาญารวมทั้งสิ้น 12 คดี ผู้กระทำความผิด 47 ราย โดยมีความผิดในหลายฐาน เช่น การกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์และสินทรัพย์ดิจิทัล อาทิ การสร้างราคา การแพร่ข่าวหรือข้อความเท็จ และการซื้อขายหลักทรัพย์ก่อนทำรายการของกองทุน (Front run) รวม 6 คดี ผู้กระทำผิด 18 ราย, การทุจริต 1 คดี ผู้กระทำผิด 2 ราย, การแสดงข้อความเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรเปิดเผย 3 คดี ผู้กระทำผิด 16 ราย และการประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต 2 คดี ผู้กระทำผิด 11 ราย

ทั้งนี้ หลายคดีเป็นการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นหรือได้รับข้อมูลตั้งแต่ปี 2567 เช่น การสร้างราคาหุ้น PK, TKT และ PROS (ข่าว ก.ล.ต. ฉบับที่ 59/2568), การเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จเกี่ยวกับ THG (ข่าว ก.ล.ต. ฉบับที่ 88/2568), การตกแต่งงบการเงิน JKN (ข่าว ก.ล.ต. ฉบับที่ 139/2568) และกรณีการซื้อขายหลักทรัพย์ก่อนกองทุน (Front run) (ข่าว ก.ล.ต. ฉบับที่ 199/2568)

ส่วนของมาตรการลงโทษทางแพ่ง คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติบังคับใช้รวม 16 คดี ผู้กระทำผิด 63 ราย ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการสร้างราคา การใช้หรือเปิดเผยข้อมูลภายใน และการเผยแพร่ข่าวหรือข้อความเท็จ รวม 14 คดี ผู้กระทำผิด 60 ราย, การแสดงข้อความเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริง 1 คดี ผู้กระทำผิด 2 ราย และการไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต 1 คดี ผู้กระทำผิด 1 ราย

ในช่วงเวลาดังกล่าว มีผู้กระทำผิดยินยอมทำบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งรวม 27 ราย จาก 11 คดี โดยมีค่าปรับทางแพ่ง 113.40 ล้านบาท และชดใช้เงินเท่าผลประโยชน์ที่ได้รับ 62.05 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นกว่า 175 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นรายได้แผ่นดินที่ ก.ล.ต. นำส่งกระทรวงการคลังแล้ว

ตั้งแต่ปี 2560 ที่ ก.ล.ต. เริ่มใช้มาตรการลงโทษทางแพ่ง มีผู้กระทำผิดตกลงทำบันทึกการยินยอมรวม 304 ราย จาก 78 คดี คิดเป็นค่าปรับรวม 2,145.55 ล้านบาท และชดใช้ผลประโยชน์ที่ได้รับ 448.56 ล้านบาท สำหรับผู้ที่ไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว ก.ล.ต. ได้ดำเนินการส่งเรื่องให้พนักงานอัยการฟ้องร้องต่อศาลแพ่ง เพื่อให้ศาลกำหนดโทษสูงสุดตามที่กฎหมายบัญญัติ

Back to top button