“กรภัทร” ชี้ SET แกว่งไซด์เวย์ รอผลประชุม “FETCO” พร้อมคัด 4 หุ้น “ค้าปลีก-ปิโตร” เด่น

นายกรภัทร วรเชษฐ์ มอง SET วันนี้แกว่งไซด์เวย์ จับตารัฐบาลประชุม FETCO พร้อมแนะลงทุน CPALL-CPAXT ผลดำเนินงานโตแกร่ง ส่วนปิโตรเคมี PTTGC-IVL เตรียมรับอานิสงส์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่


นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันที่ (25 ก.ย.68) ระบุว่า ภาพรวมดัชนี SET Index ยังมีแนวโน้มแกว่งตัวไซด์เวย์ โดยให้แนวรับอยู่ที่ 1,268 จุด แนวต้าน 1,290 จุด ซึ่งจากกรณี Fitch Ratings ประกาศปรับมุมมอง (Outlook) ของไทยจาก Stable เป็น Negative ขณะที่ยังคงอันดับเครดิตที่ BBB+ นั้น ไม่ถือเป็นเรื่องใหม่ เนื่องจากประเทศไทยได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากการปรับมุมมองก่อนหน้านี้ของ Moody’s ก่อนหน้า อย่างไรก็ตามผลกระทบต่อภาพรวมตลาดไม่มากนักเนื่องจากตลาดมักตอบสนองต่อผู้จัดอันดับเครดิตรายแรกที่มีการปรับมากกว่า

ส่วนกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีเข้าหารือ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ฝ่ายนักวิเคราะห์มองว่าปัจจัยเชิงบวกต่อตลาดเพราะเป็นการพบปะหารือกับตลาดทุนโดยตรง พร้อมพิจารณาข้อเสนอ FETCO สนับสนุนความแข็งแกร่งของตลาดทุนไทยได้ ทั้งในด้านการเพิ่มเงินสนับสนุนการลงทุนระยะยาว และยกระดับคุณภาพของตลาด

อย่างไรก็ดี คงต้องติดตามว่ารัฐบาลจะดำเนินมาตรการใดบ้าง แต่ในมุมมองฝ่ายนักวิเคราะห์อยากให้รัฐบาลสนับสนุนการลงทุนภายในประเทศเป็นหลัก ส่วนการลงทุนต่างประเทศนั้น นักลงทุนส่วนใหญ่มีความรู้และความสามารถอยู่แล้ว

ส่วนประเด็น ค่าเงินบาท ในระยะสั้น ตลาดหุ้นอาจได้รับอิทธิพลเชิงบวกเนื่องจากนักลงทุนคาดหวังเม็ดเงินไหลเข้า ตลาดเกิดใหม่ Emerging Markets อย่างไรก็ดีระยะกลาง ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าหรือเงินบาทที่แข็งขึ้น อาจมีผลต่อเศรษฐกิจและปัจจัยพื้นฐานต่างๆ ซึ่งโดยทั่วไปการอ่อนค่าของดอลลาร์จะส่งผลให้ทุกสกุลเงินแข็งค่าขึ้น แต่สิ่งสำคัญ คือ เงินบาทไม่ควรแข็งค่าเร็วเกินไป ควรอยู่ในระดับใกล้เคียงกับภูมิภาค เพื่อให้การส่งออกยังสามารถแข่งขันได้กรอบที่เหมาะสมสำหรับการแข่งขันควรอยู่ระหว่าง 32.5-34.5 บาทต่อดอลลาร์

นายกรภัทร กล่าวเสริมว่า ช่วงที่ผ่านมาเมื่อเงินบาทอ่อนค่าลงจนหลุดระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์ ส่งผลให้เกิดความผันผวนด้านค่าเงินอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นสาเหตุที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เริ่มออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับนโยบายดูแลค่าเงิน เพื่อรักษาเสถียรภาพในตลาด

ลักษณะการสื่อสารเชิงยุทธศาสตร์นี้ มีความคล้ายคลึงกับกรณีของ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่พยายามจัดการความคาดหวังของตลาด แม้จะรับรู้ถึงภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัว โดยกรณีของไทยก็มีแนวทางสอดคล้องกัน การสื่อสารเชิงกลยุทธ์ของธนาคารกลางถือเป็นวิธีการที่เหมาะสมในการสร้างความมั่นใจให้ตลาด ด้านภาพรวมการเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างชาติ ช่วงนี้ยังมีแนวโน้มเร่งตัว แต่ก็มีช่วงเวลาของการปรับพอร์ตและสลับซื้อกลับ ทำให้สะท้อนว่าในมุมมองกลางถึงยาว เงินบาทอาจอ่อนค่าได้ไม่มากนัก

ส่วนประเด็นการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนรัฐบาล ตลาดไม่ได้โฟกัสว่ารัฐบาลชุดใดจะเข้ามา แต่ให้ความสำคัญกับ ความเสี่ยงและสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อภาคตลาด อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงมีความคาดหวังต่อรัฐบาลใหม่ แม้จะไม่สูงนักแต่หากมีการบริหารจัดการงบประมาณอย่างเหมาะสม ซึ่งมองว่านายอนุทินมีแนวทางการบริหารงบประมาณที่ดี ยกตัวอย่าง การเบิกจ่ายโครงการขนาดเล็กอย่างถนนหรือโครงสร้างพื้นฐาน จะช่วยให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเร็วขึ้น และกระตุ้นการลงทุนด้านมุมมองของนักลงทุนต่างชาติ ตลาดคาดการณ์ว่า การเลือกตั้งในปีหน้าจะเป็นตัวกระตุ้นเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเป็นสองรอบ (two waves of consumption) ซึ่งจะช่วยหนุน หุ้นกลุ่มบริโภค

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนวันนี้ หุ้นไทยมีแนวโน้มปรับขึ้นได้ยากหากกลุ่มหุ้นหลัก โดยเฉพาะ กลุ่มค้าปลีกและท่องเที่ยว ไม่สามารถฟื้นตัวได้ อย่างไรก็ดี ใกล้เข้าช่วง Golden Week กลุ่มค้าปลีกได้รับปัจจัยบวกจากการขยายธุรกิจของ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT ไปยังฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูง ส่งผลต่อกำไรของ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ประมาณ 20-25% ดังนั้น สำหรับนักลงทุนระยะยาว CPALL และ CPAXT ยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง และคาดว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้นได้

นอกจากนี้ ยังแนะนำลงทุนที่น่าสนใจคือ ธีมหุ้นปิโตรเคมีและพลังงาน ซึ่งนักลงทุนต่างชาติเริ่มเข้ามาติดตามอย่างใกล้ชิด หากจีนเผชิญแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ อาจมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้หุ้นกลุ่มปิโตรเคมีและพลังงานฟื้นตัว โดยบริษัทที่น่าสนใจ ได้แก่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC และ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL

Back to top button