
“เอเซียพลัส” มองหุ้นไทยเริ่มฟื้น คัด 8 หุ้นผันผวนต่ำ-ปัจจัยบวกเฉพาะตัว
“เอเชีย พลัส” ชี้หุ้นไทยเริ่มฟื้นตัวต่อเนื่องหลังดัชนีปรับขึ้นกว่า 2.2% ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ รับแรงหนุนจากปัจจัยต่างประเทศผ่อนคลายและนโยบายการคลังภายในประเทศ แนะสะสมหุ้นเด่น 4 กลุ่มหลักได้แก่ ธนาคาร, ประกันภัย, สื่อสาร และพลังงาน
บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย พลัส จำกัด เปิดเผยบทวิเคราะห์ระบุว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปี 2568 (YTD) ปรับลดลงราว 7.0% ซึ่งถือว่าปรับตัวลงแรงกว่าตลาดหุ้นภูมิภาคอื่น แต่เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจนตั้งแต่ต้นสัปดาห์ (20 ตุลาคม 2568) โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ปรับเพิ่มขึ้นราว 2.2% (WTD) จากแรงหนุนของปัจจัยภายนอกประเทศที่ผ่อนคลายลง รวมถึงนโยบายการคลังภายในประเทศที่เริ่มมีผลบวกต่อเศรษฐกิจโดยรวม คาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะสร้างแรงส่งเชิงบวก (Momentum) ต่อการปรับขึ้นของตลาดในระยะต่อไป
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยระบุว่า หากเปรียบเทียบอัตราความผันผวน (Volatility) 60 วัน และผลตอบแทนตั้งแต่ต้นสัปดาห์ กลุ่มหุ้นที่มีความเสี่ยงต่ำและได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ 4 กลุ่มอุตสาหกรรม คือ ธนาคาร (BANK), ประกันภัย (INSUR), สื่อสาร (ICT) และพลังงาน (ENERG)
โดยแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นเด่นในกลุ่มดังกล่าว ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB, ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK, บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ BLA, บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI, บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT, บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP และ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP
สำหรับหุ้นเด่นประจำสัปดาห์ (Top Pick) เอเชีย พลัส เลือก BLA ซึ่งได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปีที่อยู่ในระดับสูง, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL จากการซื้อหุ้นคืนต่อเนื่องและได้รับอานิสงส์จากมาตรการภาครัฐ และ TOP จากราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง
ด้านปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยในงานประชุม Monetary Policy Forum ครั้งที่ 3/2568 ว่า ปัจจัยหลักในการกำหนดนโยบายการเงินยังคงพิจารณาใน 3 ด้าน ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และเสถียรภาพทางการเงิน โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะขยายตัวได้ราว 2.2% และในปี 2569 ขยายตัวราว 1.6% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) ปีนี้คาดอยู่ที่ 0.0% ก่อนจะกลับมาเป็นบวกในไตรมาส 2 ปี 2569 และเข้าสู่กรอบเป้าหมายของธนาคารกลางในปี 2570 สะท้อนว่าภาวะเงินฝืดยังไม่เกิดขึ้นจริง เนื่องจากราคาสินค้าและบริการไม่ได้ปรับลดลงในวงกว้าง และแรงกดดันเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับปกติ
