
DRT กวาดรายได้ Q3 แตะพันล้านบาท แย้มไตรมาส 4 ฟื้นตัว มุ่งขยายตลาดงานรัฐ-ส่งออกต่อเนื่อง
DRT เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 ทำรายได้รวม 1,032.22 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 41.72 ล้านบาท คาดไตรมาส 4/2568 ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด มุ่งขยายตลาดงานโครงการภาครัฐและส่งออกต่อเนื่อง
นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 (กรกฎาคม – กันยายน) ว่า บริษัทฯ เร่งทำการตลาดเชิงรุกภายในประเทศทุกช่องทางจัดจำหน่ายและมุ่งขยายตลาดส่งออกในอาเซียน เพื่อผลักดันยอดขายอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามเนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังชะลอตัว ตลาดวัสดุก่อสร้างเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซัน และการปิดด่านชายแดนไทย – กัมพูชา ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้รวม 1,032.22 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 41.72 ล้านบาท ชะลอตัว 7.55% และ 51.78% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 21.37%
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2568 มีรายได้รวม 3,617.42 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 244.39 ล้านบาท ชะลอตัว 8.97% และ 44.51% ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้วาง
โดยกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าโครงการภาครัฐ เช่น โรงเรียน, โรงพยาบาล และขยายตลาดในเมืองรอง พร้อมทั้งนำเสนอสินค้าพร้อมบริการในรูปแบบโซลูชันเพื่อรุกขยายตลาดอย่างเต็มที่ ส่งผลให้มีอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ย 74%
สำหรับภาพรวมการดำเนินงานไตรมาส 4/2568 คาดว่าผ่านจุดต่ำสุดและเริ่มทยอยฟื้นตัว โดยบริษัทฯ ได้ร่วมกับร้านค้าตัวแทนจำหน่ายเร่งขยายตลาดและดูแลลูกค้าในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งรุกขยายตลาดงานโครงการภาครัฐและส่งออกอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทฯ มีความพร้อมด้านการผลิตสินค้าทั้งกลุ่มหลังคา กลุ่มไม้สังเคราะห์ และกลุ่มอิฐมวลเบา โดยล่าสุดได้เดินเครื่องจักรโรงงาน AAC-2 จังหวัดสระบุรี ซึ่งช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการผลิตสินค้าสเป็กพิเศษและรุ่นมาตรฐาน พร้อมรองรับความต้องการใช้สินค้าจากโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งแนวราบและแนวดิ่ง
นอกจากนี้ คาดว่านโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ที่เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม และการออกมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโรงแรม โดยให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัด สามารถหักรายจ่ายจากการต่อเติม เปลี่ยนแปลง ขยาย หรือทำให้ดีขึ้น (ไม่รวมถึงการซ่อมแซมเพื่อคงสภาพเดิม) ได้ 2 เท่า ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2568
ถึง 31 มีนาคม 2569 ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้วัสดุก่อสร้างและตกแต่ง โดยรัฐบาลคาดว่าจะมีผู้ประกอบการที่ปรับปรุงโรงแรมเพื่อรับสิทธิมาตรการภาษีในช่วงเวลาดังกล่าวประมาณ 1,200 ราย
