ILINK หวังชิง 2 บิ๊กโปรเจคฯ “เคเบิลใต้น้ำ”โฟกัสโครงการเกาะสมุย มูลค่า 2.1 พันล้าน

ILINK หวังชิง 2 บิ๊กโปรเจคฯ "เคเบิลใต้น้ำ"เกาะสมุย-เกาะเต่า มูลค่าเกือบ 4 พันลบ. โฟกัสโครงการเกาะสมุยมูลค่า 2.1 พันลบ. รู้แน่ 21 ก.ค.นี้


คุณณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK เปิดเผยผ่านรายการ ข่าวหุ้นเจาะตลาด ออนเรดิโอ ทาง FM 98.5 MHz สถานีข่าวจริง สปริงเรดิโอ ช่วงเวลา 9.30-11.00 น. เชื่อว่าบริษัทจะได้รับงานจากโครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำ 1 ใน 2 โครงการ จากโครงการก่อสร้างสายเคเบิลใต้น้ำเกาะสมุย-เกาะเต่า มูลค่าโครงการรวม 3.8 พันล้านบาท แบ่งเป็นโครงการเกาะสมุย มูลค่า 2,130 ล้านบาท และโครงการเกาะเต่ามูลค่า 1,776 ล้านบาท

โดยลักษณะของงานเป็นการลากสายเพื่อเชื่อมและเอาไฟฟ้าจากอำเภอขนอมไปขายยังเกาะต่างๆ ซึ่งทางรัฐบาลมองว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่สนับสนุนการท่องเที่ยว จึงมีนโยบายให้ปรับปรุงหรือเพิ่มเติมในส่วนของเกาะสมุยและเกาะเต่า

ทั้งนี้ หลังจากได้รับการอนุมัติจาก คนร. ขั้นตอนถัดไปคือการเข้าที่ประชุม ครม. ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นช่วงเดือนนี้หรือต้นเดือนหน้า หลังจากนั้นจะเป็นการประกวดราคาแล้วยื่นบิท ซึ่งในหลักการแล้วทางบริษัทเชื่อว่าจะจบประมาณไตรมาส 3/59

สำหรับการแข่งขันประกวดเดิมทีจะมีการแข่งขันอยู่ประมาณ 2-3 บริษัท ซึ่ง ILINK เป็นบริษัทที่เคยมีความเชี่ยวชาญชำนาญด้านนี้มาก่อน และสิ่งที่บริษัทน่าจะได้เปรียบคือเรื่องของการจับมือกับบริษัทญี่ปุ่น ซึ่งบริษัทญี่ปุ่นมีความเชี่ยวชาญพิเศษทางด้านสายใต้น้ำ

ขณะที่คู่แข่งซึ่งจับมือกับบริษัทที่อิตาลี ในการแข่งขันเองต้องมีจุดแข็งจุดอ่อนที่แตกต่างกันไป แต่ในมุมของบริษัทเองเรื่องของโปรดักซ์แข่งขันได้ แต่เรื่องของต้นทุนการส่งของจากญี่ปุ่นมาไทย เทียบกับการส่งของจากอิตาลีมาไทย แน่นอนว่าต้นทุนตรงนี้ของทาง ILINK จะถูกกว่า จึงน่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ถือหุ้น ซึ่งถ้าบริษัทได้โปรเจคนี้เข้ามาจะทำให้กำไรในส่วนของตัวโครงการสุทธิดีขึ้น

“อย่างไรก็ตามข้อจำกัดของผู้รับจ้างในอุตสาหากรรม ทางบริษัทไม่สามารถที่จะมีกำลังผลิตพร้อมกันได้ 2 งาน เพราะโดยปกติแล้วศักยภาพในการผลิต 1 งานจะใช้เวลา 9 เดือน เพราะฉะนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงที่แต่ละคนจะต้องวางแผนว่าจะโฟกัสงานไหน ซึ่งเป็นที่มาที่ทำให้เราค่อนข้างโฟกัสไปที่เกาะสมุยเป็นหลัก” คุณณัฐนัยกล่าว

ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทได้มีการยื่นซองเทคนิคไปแล้ว ซึ่งมีผู้เข้ายื่นทั้งหมดประมาณ 6 ราย แต่ ณ ปัจจุบันเหลืออยู่ 3 ราย โดย ILINK เป็น 1 ใน 3 บริษัทที่เข้าประมูล โดยจะมีการจัดประมูลในวันที่ 21 ก.ค.นี้ หลังจากประมูลจะมีการเสนอบอร์ดเพื่อพิจารณาอนุมัติประมาณ 1 เดือน

สำหรับด้าน IRR ทางบริษัทมอง 2 มุม คือ ในด้านของผู้ลงทุน IRR จะต่ำซึ่งอยู่ที่่ประมาณ 3-5% เนื่องจากไฟฟ้าลงทุนเพื่อให้เสถียรภาพมากขึ้น แต่ถ้าพูดถึงในเชิงของธุรกิจในการดำเนินงานของบริษัทในการเข้าไปรับงานส่วนมากแล้วบริษัทจะมีสัดส่วนอยู่ประมาณ 15% เพราะฉะนั้นแล้วทางบริษัทเองจะมอง 15-20% เป็นหลัก

ส่วนเรื่องงานที่ทางบริษัทเข้าไปรับของ AOT บริษัทสนใจและโฟกัสในส่วนของสายใต้ดิน เพราะฉะนั้นการก้าวเข้าไปรับงานสุวรรณภูมิจะทำให้บริษัทมีโปรไฟล์ที่แข็งแรงขึ้นในการที่จะรับงานสายใต้ดิน ซึ่งถ้าดูจากงานสายใต้ดินแล้วไม่ได้มีเฉพาะที่สนามบิน แต่ยังสามารถออกไปข้างนอกได้อีกด้วย ส่วนสนามบินอื่นๆ ที่จะมีการปรับปรุงก็จะต้องมีระบบคล้ายๆ กันคือ เรื่องของการบริหารจัดการหรือว่าเรื่องของระบบสายใต้ดินต่างๆ ตรงนี้เชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะช่วยสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับบริษัท

ด้านราคาหุ้น ILINK ที่มีค่า P/E สูงที่ระดับ 35 เท่านั้น เป็นผลมาจากรายได้และกำไรยังไม่ได้บันทึกเข้ามา แต่ถ้าบริษัทได้งานตามแผนที่วางไว้จะสามารถทำให้ค่า P/E ต่ำลง และเป็นไปตามแผนวางไว้ค่อนข้างชัดเจน

Back to top button