สอยยัง! 10 หุ้น Upside สูง พร้อมวิ่งกระฉูดรอบใหม่

สอยยัง! 10 หุ้น Upside สูง พร้อมวิ่งกระฉูดรอบใหม่ นำโดย S,SCN,TPIPL,BANPU,CPF,CK,BIG,TASCO, THCOM และ GUNKUL 


ตลาดหุ้นสัปดาห์นี้คาดแกว่งขึ้นจากความคืบหน้าโครงการโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐฯ โดยล่าสุดมีการใช้อำนาจมาตรา 44 ประกาศเป็นราชกิจจานุเษกษาในการแก้ปัญหาการล่าช้าของโครงการรถไฟไทย-จีน คาดจะหนุนให้กระบวนการต่างๆ สามารถเดินหน้าได้เร็วขึ้นกระตุ้นกลุ่มรับเหมาและกลุ่มวัสดุก่อสร้างฟื้นตัวขึ้นได้

นอกจากนี้ เข้าสู่โค้งสุดท้ายของไตรมาส 2 ที่ทุกๆ 2 สัปดาห์สุดท้าย มักมี Window Dressing หนุน SET +1.95% โอกาสสูงราว 80% ส่วนปัจจัยหนุนจากต่างประเทศ คือแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯที่ไม่ได้เร่งตัวมากนัก ซึ่ง FED ทำการเลื่อนเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ไปเป็นปีหน้า หนุนให้ตลาดเอเชียมีความน่าสนใจในการลงทุนมากกว่า เนื่องจากเศรษฐกิจสามารถเติบโตได้ดีตามเป้า คาดหนุน Fund Flows ไหลเข้าได้ เป็นปัจจัยผลักดัน SET ขึ้นสู่แนวต้าน 1,590/1,600 จุด โดยมีแนวรับที่ 1,570/1,565 จุด

ดังนั้น “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงขอนำเสนอหุ้นที่มีอัพไซด์สูง(High Upside stocks) ให้เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุน โดยหุ้นที่นำมาเสนอเป็นหุ้นที่อัพไซด์สูงเกือบ 30% นำโดย S, SCN, TPIPL, BANPU, CPF, CK, BIG, TASCO, THCOM และ GUNKUL ดังตารางประกอบจาก บล.โนมูระ พัฒนสิน ดังนี้

 

อันดับ 1 บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S ธุรกิจพัฒนาและลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยราคาหุ้นมีอัพไซด์สูงถึง 52.17% จากราคาเป้าหมายที่ระดับ 7.00 บาท เทียบกับราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 4.60 บาท (9 มิ.ย.) 

บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หุ้น S  แนะนำซื้อโดยมีมูลค่าที่เหมาะสมที่ 7.00 บาท จากแนวโน้มการเติบโต Cagr 65% (สำหรับปี 2016-19F) จากการลงทุนที่ต่อเนื่องจะทำให้สินทรัพย์ของบริษัทเติบโตขึ้น คาดรายได้ของบริษัทจะมีความสมดุลมากขึ้นระหว่าง รายได้ประจำ (recurring income) กับรายได้จากการขายที่อยู่อาศัย

โดยได้ปรับประมาณการและรายได้ของ S เพื่อสะท้อนการลงทุนใน Maldives ไปแล้ว โดยเรายังคงประมาณการรายได้ และอัตรากำไรที่ 31-32% โดยเราคาดผลประกอบการในปี 2018-19 ที่ 602 ล้านบาท และ 1.1 พันล้านบาท ตามลำดับ

 

อันดับ 2 บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN ราคาหุ้นมีอัพไซด์สูงถึง 42.18% จากราคาเป้าหมายที่ระดับ 8.03 บาท เทียบกับราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 5.65 บาท (9 มิ.ย.) 

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/60 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น จากภาพรวมราคาน้ำมันในตลาดโลกปีนี้ที่เชื่อว่ายังเป็นขาขึ้น แม้ว่าในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกถูกผลกระทบจากปริมาณการผลิตน้ำมันในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นก็ตาม

 

อันดับ 3 บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) TPIPL ราคาหุ้นมีอัพไซด์สูงถึง 34.20% จากราคาเป้าหมายที่ระดับ 3.11 บาท เทียบกับราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 2.32 บาท (9 มิ.ย.) 

บริษัทคาดผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้จะปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 521.31 ล้านบาท เนื่องจากในปีนี้บริษัทได้ปรับระบบบัญชีใหม่ ส่งผลให้ไม่ต้องตัดค่าเสื่อมส่วนเกินทุนจากการตีราคาสินทรัพย์มูลค่า 1,290 ล้านบาท ขณะเดียวกันหลังจากนำบริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯแล้วเสร็จก็ช่วยให้ภาระหนี้ลดลงไปด้วย

ขณะเดียวกันภาครัฐยังได้เตรียมการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นถนน รถไฟฟ้า ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้ความต้องการใช้ปูนเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันยังมีรายได้จากบริษัทลูก อย่าง TPIPP เข้ามาเพิ่มขึ้น จากกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ที่จะเข้ามาในช่วงไตรมาส 4/60

 

อันดับ 4 บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ราคาหุ้นมีอัพไซด์สูงถึง 32.54% จากราคาเป้าหมายที่ระดับ 23.19บาท เทียบกับราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 17.50 บาท (9 มิ.ย.) 

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า BANPU ตลาดกังวลกับราคาถ่านหินมากเกินไป ราคาปัจจุบันยังอยู่ในสมมติฐานของเราที่ US$80/ตัน และถือว่า downside ต่ำเพราะอยู่ในช่วงราคา 500-570 หยวน/ตันตามนโยบายที่จีนต้องการให้มีเสถียรภาพในระดับนี้

ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการยังแกร่ง คาดกำไรปีนี้ turnaround +226% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนP/E ปัจจุบันที่ 8.5 เท่าและ P/BV 1 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตและในภูมิภาค เราแนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 24 บาท

 

อันดับ 5 บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ราคาหุ้นมีอัพไซด์สูงถึง 32.18% จากราคาเป้าหมายที่ระดับ 33.38 บาท เทียบกับราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 25.25 บาท (9 มิ.ย.) 

บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 60 เติบโต 8-10% หรือมีรายได้มากกว่า 5 แสนล้านบาท จากปีก่อนที่บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 4.76 แสนล้านบาท โดยการเติบโตของรายได้ในปีนี้มาจากราคาไก่และราคากุ้งที่ฟื้นตัวอย่างชัดเจนขึ้น จากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาที่ราคาตกต่ำอย่างหนัก ซึ่งราคาไก่ที่เพิ่มขึ้นนั้นจากปริมาณผลผลิตในตลาดโลกหายไปจากปัญหาการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก ทำให้ราคาไก่ฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับสูง ขณะที่ราคากุ้งฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่องจากปีก่อน หลังจากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเผชิญกับภาวะโรคระบาดรุนแรงในกุ้ง ซึ่งส่งผลทำให้ราคากุ้งตกต่ำ

 

อันดับ 6 บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK ราคาหุ้นมีอัพไซด์สูงถึง 30.08% จากราคาเป้าหมายที่ระดับ 35.45 บาท เทียบกับราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 27.25 บาท (9 มิ.ย.) 

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า CK น่าจะได้รับผลบวกจากช่วงครึ่งหลังปีนี้จะมีงานประมูลของภาครัฐเข้ามาใหม่อีก โดยนับจากเดือนก.ค.นี้เป็นต้นไปจะเริ่มมีการประมูลงานโครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทาง โครงการรถไฟฟ้ารถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยายด้านใต้ เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ 1.31 หมื่นล้านบาท งานทางด่วน พระราม3-ดาวคะนอง มูลค่า 3 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ ประมาณการกำไรสุทธิในปี 60 อาจจะไม่โต โดยคาดไว้ที่ 1.8 พันล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2 พันล้านบาท ซึ่งมีรายได้จากงานก่อสร้างเติบโตมากเป็น 4.5 หมื่นล้านบาทแต่มาริ์จิ้นต่ำ ขณะที่ปีนี้คาดว่าจะมีรายได้จากงานก่อสร้าง 3.5 หมื่นล้านบาทแต่มีมาร์จิ้นดีกว่าปีก่อน

 

อันดับ 7 บริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BIG ราคาหุ้นมีอัพไซด์สูงถึง 28.71% จากราคาเป้าหมายที่ระดับ 6.50 บาท เทียบกับราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 5.05 บาท (9 มิ.ย.) 

บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้เติบโต 10-20% จาก 5.66 พันล้านบาทในปีก่อน ซึ่งจะทำให้มีรายได้และกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง

โดยจะเน้นธุรกิจ Printing เพื่อเป็นการขยายตลาด ผ่านการให้ความรู้แก่ลูกค้า มีความเข้าใจในการใช้งานให้มากขึ้น หลังจากในปีที่ผ่านมาได้เปิดสาขา Printing ในรูปแบบ Stand Alone คือ ร้าน Wonder Photo Shop by Big Camera ไปแล้วจำนวน 2 สาขา จากแผนเปิด 5 สาขา ในเฟสแรก ซึ่งปีนี้ก็จะเปิดให้ครบตามแผนงาน รวมทั้งเพิ่มไลน์อัพผลิตภัณฑ์ printingในสาขา Big Camera ทุกสาขา พร้อมพิจารณาแผนงานในเฟสที่สองต่อเนื่องด้วย

 

อันดับ 8 บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO ราคาหุ้นมีอัพไซด์สูงถึง 28.14% จากราคาเป้าหมายที่ระดับ 29.60 บาท เทียบกับราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 23.10 บาท (9 มิ.ย.) 

บริษัทยังคงเป้ายอดขายยางมะตอยในปีนี้ที่ 2.6 ล้านตัน จากปีก่อนทำได้ 2.1 ล้านตัน แม้ว่าไตรมาส 1/60 จะทำยอดขายได้เพียงประมาณ 5 แสนตัน แต่เชื่อว่าความต้องการใช้ยางมะตอยทั้งในต่างประเทศและในประเทศจะเติบโตเพิ่มขึ้น

สำหรับตลาดต่างประเทศที่บริษัทจะเน้นการขายไปยังจีนและอินเดียเป็นหลัก ซึ่งมีความต้องการใช้ยางมะตอยสูงมากตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับราคาขายยางมะตอยในต่างประเทศก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยในปีนี้คาดว่าราคาขายจะอยู่ที่เฉลี่ย 260-300 เหรียญ/ตัน จากปีก่อนอยู่ที่ 210-220 เหรียญ/ตัน

 

อันดับ 9 บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM  ราคาหุ้นมีอัพไซด์สูงถึง 27.22% จากราคาเป้าหมายที่ระดับ 22.26 บาท เทียบกับราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 17.50 บาท (9 มิ.ย.) 

บริษัทคาดรายได้ในปี 60 จะใกล้เคียงกับปี 59 ที่มีรายได้จากการขายและการให้บริการที่ 11,517 ล้านบาท แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการที่ลูกค้ารายใหญ่หายไป แต่บริษัทก็ยังมีลูกค้ารายใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ระหว่างรอการลงนามสัญญากับลูกค้าในเมียนมา และกัมพูชา พร้อมกันนี้ได้มองหาโอกาสซื้อธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ซึ่งคาดว่าจะได้ความชัดเจนภายในปีนี้

 

อันดับ 10 บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ราคาหุ้นมีอัพไซด์สูงถึง 26.96% จากราคาเป้าหมายที่ระดับ 5.28 บาท เทียบกับราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 4.16 บาท (9 มิ.ย.) 

บริษัทคาดว่ายอดขายในช่วงไตรมาส 2/60 จะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/60 ที่ประมาณ 880 ล้านบาท ขณะที่ปีนี้คาดว่าน่าจะมียอดขายราว 4 พันล้านบาท โดยงานส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงไตรมาส 3/60 ซึ่งถือได้ว่าเป็นช่วงไฮซีซั่นของบริษัท ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ราว 1 พันล้านบาท และบริษัทยังอยู่ระหว่างยื่นประมูลงานมูลค่าราว 1-2 พันล้านบาท คาดจะทราบผลได้ในช่วงไตรมาส 3/60

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button