HUMAN เปิดกระหึ่ม! บัวหลวงใจป้ำให้เป้าสูงลิ่ว 8 บาท

HUMAN เทรดวันแรกลุ้นราคาเหนืองจอง 100% ฟาก บล.บัวหลวงเคาะราคาเป้าสูงลิ่ว 8 บาท รับปัจจัยพื้นฐานธุรกิจ HR outsourcing สุดแกร่ง มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (8 ธ.ค.60) บริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด มหาชน หรือ HUMAN จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) จำนวน 180 ล้านหุ้น ในราคา IPO ที่ 4 บาท แบ่งเป็นเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป จำนวน 153 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท จำนวน 27 ล้านหุ้น โดยมี บล.ฟินันเซีย ไซรัส เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนจำนวน 340.00 ล้านบาท และมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 250.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 500.00 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนในครั้งนี้ บริษัทจะมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 340.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 680.00 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท

ด้านนายสุนทร เด่นธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร HUMAN เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อมั่นว่าเมื่อเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จะสามารถยืนเหนือราคาไอพีโอที่ 4 บาทต่อหุ้นได้ เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ผลประกอบการเติบโตก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับผู้บริหารและบุคลากรในองค์กรมีประสบการณ์มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจมาเป็นเวลานานกว่า 30 ปี

โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กำไรสุทธิของ HUMAN มีการเติบโตขึ้นจาก 25.58 ล้านบาท ในปี 2557 เป็น 71.06 ล้านบาท ในปี 2559 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 66.67% ต่อปี ขณะที่งวด 9 เดือนแรกของปี 2560 กำไรสุทธิอยู่ที่ 55.94 ล้านบาท เติบโต 75.20% จากงวดเดียวกันของปีก่อนและมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น D/E อยู่ในระดับต่ำ โดยปี 2559 อยู่ที่ 0.34 เท่า

“ในช่วงที่เปิดให้จองซื้อหุ้น มีนักลงทุนให้ความสนใจและมีความต้องการเข้ามามาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนมั่นใจในธุรกิจการให้บริการด้านทรัพยากรบุคคลที่ครบวงจรด้วยซอฟต์แวร์ที่พัฒนาเอง รวมถึงองค์กรต่างๆ ในไทยหันมาใช้ Outsource มากยิ่งขึ้น และปัจจุบัน HUMAN มีองค์กรขนาดใหญ่ที่มอบความไว้วางใจให้ดูแล อาทิ กลุ่มไมเนอร์ กรุ๊ปและกลุ่มเทสโก้โลตัส เป็นต้น โดยรวมๆ มีลูกค้าที่ดูแลอยู่ราว 400 บริษัท คิดเป็นแอคเคาท์พนักงานที่ดูแลอยู่กว่า 2 แสนคน จึงมั่นใจว่าเมื่อหุ้น HUMAN เข้าเทรดแล้วจะสามารถยืนเหนือราคาจองและให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ” นายสุนทร กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตในปี 61 ต่อเนื่องราว 25-30% ไม่รวมรายได้จากการเข้าซื้อกิจการ โดยรายได้หลักเป็นรายได้ประจำมาจากการบริการซอฟต์แวร์ด้าน HR ที่บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดในประเทศไทยมากกว่า 50% ซึ่งบริษัทคิดค่าบริการตามจำนวนพนักงาน โดยมีค่าบริการราว 100-300 บาท/ราย/เดือน และในปีหน้าคาดว่าจะมีจำนวนการให้บริการกับพนักงานบริษัทต่างๆ เพิ่มขึ้นอีกราว 3 หมื่นราย เนื่องจากขณะนี้มีการเจรจากับลูกค้าที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีพนักงานในระดับหมื่นคนไว้แล้ว

นอกจากนั้น บริษัทยังเตรียมพัฒนาแบรนด์ภายใต้ บริษัท โปรเฟสชั่นแนล เอ้าท์ซอสซิ่ง โซลูชั่นส์ จำกัด (POS) ผู้ให้บริการรับช่วงจัดทำเงินเดือน (Payroll Outsourcing) รายใหญ่รายหนึ่งในประเทศไทย ที่ HUMAN เข้าซื้อกิจการมาเมื่อปี 59 เพื่อทำตลาดการให้บริการกับองค์กรขนาดเล็กที่มีจำนวนพนักงานในระดับต่ำกว่า 100 คน เช่น ธุรกิจสตาร์ทอัพ และ เอสเอ็มอี เป็นต้น ซึ่งแยกออกจากกลุ่มลูกค้าหลักของ HUMAN ที่เน้นองค์กรขนาดใหญ่

ส่วนบริษัทสำนักงานที่ปรึกษาทางธุรกิจและการบัญชี จำกัด (ABA) ที่ HUMAN เข้าซื้อกิจการมาในช่วงก่อนหน้านี้ ช่วยเพิ่มบริการของกลุ่มบริษัทในการให้บริการจัดทำบัญชีและการเงิน (Finance & Accounting Outsourcing) ทำให้บริษัทสามารถให้บริการ Outsourcing ได้ครบวงจรมากขึ้น

อีกทั้งยังมีแผนจะซื้อกิจการ (M&A) เพิ่มเติมด้วยเงินส่วนใหญ่ที่ได้จากการระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ เพื่อเข้าซื้อกิจการสำนักงานบัญชีขนาดเล็กที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในประเทศไทยแล้วนำมาควบรวมกิจการกัน โดยคาดว่าจะเข้าเจรจากับบริษัทจำนวน 25 ราย จากทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ 100 รายที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งในปี 61 น่าจะเริ่มทยอยมีข้อสรุปได้ 2-3 ราย

ทั้งนี้ การซื้อกิจการบริษัทผู้จัดทำบัญชีดังกล่าวจะส่งผลดีกับตัวบริษัท คือ ช่วยเพิ่มยอดการใช้บริการซอฟต์แวร์ด้านการเงินที่บริษัทพัฒนาขึ้น ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีต้นทุนต่อหน่วยลดลง และมีรายได้จากกิจการจัดทำบัญชีเข้ามาเสริม

ขณะเดียวกัน บริษัทยังศึกษาการขยายตลาดในต่างประเทศ ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ หลังจากการเปิดให้บริการในสิงคโปร์และมาเลเซียประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยกิจการในสิงคโปร์ที่เปิดมายังไม่ถึงปีเริ่มทำกำไรแล้ว ส่วนในมาเลเซียที่เพิ่งเปิดเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมามีลูกค้าแล้ว 2 ราย และเชื่อว่าปีนี้จะไม่ขาดทุนอย่างแน่นอน

อนึ่ง ในช่วงปลายปี 59 บริษัทได้จัดตั้ง Humanica Asia Private Limited (HAP) ในสิงคโปร์ เพื่อรองรับความต้องการในการใช้งานซอฟต์แวร์ Humatrix ในประเทศต่างๆ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และญี่ปุ่น โดยมีการ Localize ซอฟต์แวร์เพื่อให้เหมาะกับกฎหมายภาษี และกฎหมายแรงงานของแต่ละประเทศ

ด้านนายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เปิดเผยว่า HUMAN ได้รับความสนใจจองซื้อเข้าอย่างมากจากการเปิดจองซื้อหุ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรกจำนวน 180 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น ในราคาเสนอขายหุ้นละ4.00 บาท มีนักลงทุนสถาบันเสนอความต้องการเข้ามาเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ HUMAN ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากเนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งจากการพัฒนาซอฟต์แวร์เป็นของตนเองครบทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน และสามารถรองรับความต้องการที่ซับซ้อน ส่งผลให้ HUMAN เป็นผู้นำในธุรกิจ HR Outsourcing ในประเทศไทย เป็นผลให้ที่ผ่านมาบริษัทมีผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตในระดับสูงต่อเนื่องในอนาคต เพราะหลังจากได้รับเงิน IPO จะทำให้บริษัทสามารถนำไปขยายการลงทุนธุรกิจเพื่อสร้างฐานให้ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งขึ้น โดยการเปิดจองซื้อหุ้น IPO ในช่วงที่ผ่านมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนที่เข้ามาจองซื้อหุ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่าปัจจัยเหล่านี้จะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนจนทำให้เข้ามาซื้อหุ้นในกระดานเพิ่มเติมเพื่อลงทุนหวังผลตอบแทนในระยะยาว ” นายสมภพ กล่าว

ด้านนักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 60 ว่า แนะนำ “ซื้อ” หุ้น HUMAN ในราคาเป้าหมายที่ 8 บาท โดยอิง PE 41.2 เท่า ใกล้กับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมในตลาดโลก โดยมองว่า HUMAN มีจุดเด่นใน 3 ประเด็น คือ 1.มี HR software ที่พัฒนาขึ้นเองให้เข้ากับสภาพการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย  ซึ่งรองรับได้หลายหลายหมวดอุตสาหกรรม และมีสัดส่วนรายได้ถึง 75% ซึ่งคาดรายได้ส่วนนี้จะเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยปี 31% (CAGR)

2.ขณะนี้เป็นจังหวะที่ดีในการเติบโตของธุรกิจ software/HR/outsourcing ซึ่งเรามองว่าจะเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรรมที่จะเติบโตไปพร้อมกับ Thailand 4.0 และ 3.ลักษณะธุรกิจที่เติบโต และเป็น defensive เพราะการให้บริการเป็นสัญญาตั้งแต่ 1-3 ปี และมีอัตราการต่อสัญญาสูงถึง 95% เราคาดกำไรจะเติบโตในอัตราสูงถึง 27% (CAGR ในช่วง 2017-19)

Back to top button