STEC ฉายแววกำไรไตรมาส 3/61 โตทะลุ 320 ลบ. สะสมแบ็กล็อกกว่าแสนลบ.
STEC ฉายแววกำไรไตรมาส 3/61 โตทะลุ 320 ลบ. สะสม Backlog ระดับแสนลบ. ทยอยรับรู้รายได้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง-ชมพูยันปีหน้า โบรกฯ อัพปรับประมาณการกำไรของ STEC ในปี 61-62 ขึ้นเฉลี่ย 16.5%
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์หุ้นบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC หลังราคาหุ้นปรับตัวลงต่อเนื่อง กระทั่งวานนี้ (24 ต.ค.) ราคาหุ้นปรับตัวลงมาอยู่ที่ระดับ 23.80 บาท ลบ 0.50 บาท หรือ 2.06% มูลค่าซื้อขาย 463.95 ล้านบาท ทั้งนี้ยังคงมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายที่ 29 บาท อยู่ 22%
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า แนวโน้มกำไรของ STEC ในไตรมาส 3/61 จะปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น จากงานในมือที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งจะผลักดันให้ผลการดำเนินงานปีนี้พลิกมีกำไรสุทธิ
โดย นักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น STEC พร้อมให้ราคาเป้าหมายที่ 29 บาทต่อหุ้น โดยคาดแนวโน้มผลประกอบการไตรมาสที่ 3/61 ของ STEC จะออกมาดี โดยประเมินว่ากำไรจะทำได้ที่ระดับ 325 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากแรงหนุนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพู ซึ่งการรับรู้โครงการดังกล่าวจะหนุนให้กำไรในไตรมาสที่ 4/61 จนถึงปี 62 เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันยังประเมินกำไรทั้งปี 61 ของ STEC ไว้ที่ 1.24 พันล้านบาท ดีขึ้นจากปีก่อนที่ขาดทุน 611 ล้านบาท ส่วนปี 62 คาดว่ากำไรจะอยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท หรือเติบโตราว 40%
ส่วน นักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น STEC พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 28.50 บาทต่อหุ้น โดยคาดกำไรในไตรมาสที่ 3/61 ของ STEC จะสามารถเติบโตได้โดดเด่น 48% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หรือแตะ 320 ล้านบาท จากการเริ่มงานรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือง และโรงไฟฟ้าของบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF จำนวน 2 แห่ง รวมถึงเดินเครื่องงานรถไฟฟ้าสายสีส้มเต็มที่ คาดมีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ที่ 7.7% จากการควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ ปรับประมาณการกำไรของ STEC ในปี 61-62 ขึ้นเฉลี่ย 16.5% เป็น 1.25 พันล้านบาทในปีนี้ พลิกจากขาดทุนในปีก่อน และเพิ่มเป็น 1.58 พันล้านบาทในปี 62 โดยมีปัจจัยบวกจากการที่ภาครัฐเร่งผลักดันงานประมูลออกมาจำนวนมากในไตรมาสที่ 4/61 ถึงไตรมาส 1/62 จากการปรับเพิ่มคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นปี 61-62 เป็น 7.7% และ 8.1% จากเดิม 6.9% และ 7.5% ตามลำดับ สะท้อนมาร์จิ้นในครึ่งแรกปีนี้ ที่ทำได้ดีกว่าที่คาด และการเพิ่มขึ้นของงานโรงไฟฟ้าซึ่งมีมาร์จิ้นสูง
ขณะที่การก่อสร้างรัฐสภาใหม่ ซึ่งมีกำหนดส่งมอบเดือนธ.ค.62 ปัจจุบันมีความคืบหน้าอยู่ที่ 60% โดยงานที่เหลือส่วนใหญ่เป็นงานภายใน จึงคลายความกังวลกับประเด็นการตั้งสำรองเพิ่มในอนาคตไปได้