เปิดโผ 26 บจ. กวาดกำไรปี 63 สุดแกร่ง โตทะลักเกินเท่าตัว!

เปิดโผ 26 บจ. กวาดกำไรปี 63 สุดแกร่ง โตทะลักเกินเท่าตัว!


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งประกาศผลการดำเนินงานประจำปี 2563 สิ้นสุด 31 ธ.ค.2563 ออกมาเป็นที่เรียบร้อย โดยคัดเลือกบจ.ที่กำไรสุทธิมีการเติบโตเกินกว่า 1 เท่าตัว หรือ 100% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน

ทั้งนี้ บจ.ที่สามารถทำกำไรสุทธิได้เติบโตเกิน 1 เท่าตัว แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการบริหารจัดการ เนื่องจากปี 2563 เป็นปีที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เต็มปี

โดยพบว่ามีบจ.ที่เข้าเกณฑ์ทั้งหมด 26 บจ. ดังตารางประกอบ

อันดับที่ 1 บริษัท เอเชียซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AS ประกาศกำไรสุทธิปี 2563 ที่ระดับ 307.04 ล้านบาท ปรับตัวขึ้น  6,95686% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีกำไรสุทธิ 4.35 ล้านบาท

โดยผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเนื่องจากรายได้จากการขายและบริการปี 2563 อยู่ที่ 1,336.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2562 อยู่ที่ 762.5 ล้านบาท

นอกจากนี้ประกาศปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2563 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2563 อัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.30 บาทต่อหน่วย วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 11 มี.ค. 2564 วันที่จ่ายปัน 7 พ.ค. 2564

อันดับที่ 2 บริษัท ยูเนี่ยนไพโอเนียร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UPF ประกาศกำไรสุทธิปี 2563 ที่ระดับ 66.798 ล้านบาท ปรับตัวขึ้น  6,310% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1.04 ล้านบาท

โดยผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายและบริการเพิ่มขึ้นจำนวน 129.75 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการยางยืดใช้ในหน้ากากอนามัยเพิ่มสูงขึ้นจากการระบาดาของเชื้อไวรัสโควิด-19

อันดับที่ 3 บริษัท สุธากัญจน์ จำกัด (มหาชน) หรือ SUTHA ประกาศกำไรสุทธิปี 2563 ที่ระดับ 207.08 ล้านบาท ปรับตัวขึ้น  2,790% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีกำไรสุทธิ 7.17 ล้านบาท

โดยผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเนื่องจากรายได้จากการขายและบริการของบริษัทในปี 2563 เพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้จากผลิตภัณฑ์จากเตาซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทได้เพิ่มขึ้น แม้ว่ามีฤดูกาลน้ำตาลอ่อนแอและช้ากว่าที่คาดการณ์แต่ได้รับการชดเชยที่แข็งแกร่งกว่าจากการขายผลิตภัณฑ์ใหม่โดไลม์ที่เปิดตัวตั้งแต่ในปี 2562 และเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงกว่า

อันดับที่ 4 บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ STGT ประกาศกำไรสุทธิปี 2563 ที่ระดับ  1.44 หมื่นล้านบาท ปรับตัวขึ้น  2,170% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีกำไรสุทธิ 634.30 ล้านบาท

โดยกำไรในปี 2563 เพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทฯมีรายได้จากการขายสินค้า“ถุงมือยาง”รวมอยู่ที่ 30,405.1 ล้านบาท เติบโตสูงถึงร้อยละ 153.5 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาขายที่ได้ปรับเพิ่มสูงขึ้นในทุกไตรมาสทำให้ตลอดทั้งปี 2563 ราคาขายเฉลี่ย (ASP) เติบโตอย่างก้าวกระโดดอยู่ที่ 1,087 บาทต่อพันชิ้น (USD 34.93) ขยายตัวร้อยละ 80.3 เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญคือความต้องการในการบริโภคและกำลังซื้อที่แข็งแกร่งจากทั่วทุกมุมโลก

อีกทั้งประกาศปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2563 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2563 อัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด 2.00 บาทต่อหน่วย วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 12 เม.ย.2564 วันที่จ่ายปันผล 28 เม.ย. 2564

อันดับที่ 5 บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBKH ประกาศกำไรสุทธิปี 2563 ที่ระดับ 239.65 ล้านบาท ปรับตัวขึ้น  1,198%  จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนมีกำไรสุทธิ 15.93 ล้านบาท

โดยกำไรในปี 2563 เพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทมีรายได้รวมเพิ่มขึ้น 32.43% ขณะที่รายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้น 40.47% ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณการซื้อขายของบริษัทที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน

อีกทั้งประกาศปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 2563 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2563 อัตราการจ่ายปันผลเป็นเงินสด 0.10 บาทต่อหน่วย วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 10 มี.ค.2564 วันที่จ่ายปันผล 20 พ.ค.2564

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

 

 

 

 

Back to top button