PRIME ทุ่มกว่า 700 ลบ. ลงทุน 3 โซลาร์ฟาร์มไต้หวัน รวม 15MW พร้อมรุกโซลาร์รูฟเพิ่ม

PRIME ทุ่ม 725 ลบ. พัฒนาโซลาร์ฟาร์มติดตั้งในโรงเรียนที่ไต้หวัน กำลังผลิตติดตั้งราว 15MW พร้อมควักอีก 29 ลบ. ลงทุนโซลาร์รูฟเพิ่ม


บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIME ระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2564 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัท ไพร์ม โรด กรุ๊ป จำกัด (PRG) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยบริษัทฯ เข้าลงทุนซื้อหุ้นของบริษัท ไพร์ม อัลเทอร์เนทีฟ วิชั่นส์ จำกัด (PAV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ และบริษัท ไพร์ม โรด รูฟท็อฟ จำกัด (PRR) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ โดยซื้อหุ้นใน PAV จำนวน 14,400 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 36 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ PAV รวมทั้งซื้อหุ้นใน PRR จำนวน 22,999 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 46 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ PRR ในวงเงินทั้งสิ้น 28.798 ล้านบาท

รวมทั้งมีมติอนุมัติให้ บริษัท เห่ออู่ จำกัด (HW) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ เข้าลงทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งในโรงเรียน ประเทศไต้หวัน 3 โครงการ โดยมีประมาณการกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งสุทธิรวม 15 เมกกะวัตต์ มูลค่าการลงทุนรวม 670 ล้านดอลล่าร์ไต้หวัน หรือ 725.476 ล้านบาท (อ้างอิงจากอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 24 มีนาคม 2564)

โดย HW จะเข้าทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) สัญญาด้านวิศวกรรมจัดหาอุปกรณ์ และก่อสร้าง (EPC Contracts) การยื่นขอใบอนุญาตตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการดำเนินโครงการ เช่น สัญญาเช่าที่ดินใบอนุญาตการเชื่อมต่อโครงข่ายระบบไฟฟ้า ตลอดจนการขออนุญาตดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการ

ทั้งนี้บริษัทฯ มีนโยบายการดำเนินธุรกิจที่จะขยายการลงทุนโดยมุ่งเน้นไปยังธุรกิจที่สนับสนุนการดำเนินธุรกิจหลักและส่งเสริมให้เกิดการใช้ประโยชน์สินทรัพย์หลักของบริษัทฯ ในปัจจุบันให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสามารถต่อยอดธุรกิจปัจจุบันเพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขันและสร้างโอกาสในการเติบโตของบริษัทฯ ในระยะยาว

ดังนั้นบริษัทฯ จึงพิจารณาที่จะลงทุนขยายธุรกิจการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากการให้ขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีรายได้ที่สูงขึ้นและมีกระแสเงินสดและสภาพคล่องที่ดีขึ้น ส่งผลดีต่อการลุงทนพัฒนาโครงการอื่นของบริษัทฯ ในอนาคต

รวมทั้งสร้างความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจระยะยาว และเสริมความแข็งแกร่งในด้านการเงินของกิจการ นอกจากนี้ยังเป็นการกระจายความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ

Back to top button