BEAUTY เน้นขยายช่องทางจำหน่าย หวังดันยอดขายฝ่าวิกฤต “โควิด-19”

BEAUTY มุ่งเน้นขยายช่องทางจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ หวังผนักดันยอดขายฝ่าวิกฤต “โควิด-19”


บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ของโรคไวรัสโควิด -19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างมาก รวมถึงภาคการท่องเที่ยวก็ยังไม่ดีขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวจีนยังไม่มีเข้ามา กำลังซื้อของผู้บริโภคและบรรยากาศการจับจ่ายชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทในปี 2563 ต่อเนื่องมาในไตมาส 1/64 ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

โดยบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/64 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทมีรายได้รวม 137.41 ล้านบาท ลดลง 49.17%จากช่วงเดียวกันของปี และลดลง 29.21%จากไตรมาส 4/63  โดยสัดส่วนรายได้มาจาก ต่างประเทศ 44.74% ร้านค้าปลีก 41.39% อีคอมเมิร์ซ 7.23% โมเดิร์นเทรด 2.47% เจเนอรัลเทรด 0.92% อื่นๆ 3.25% และมีขาดทุนสุทธิ 15.13 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 61.86% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ บริษัทมีการปรับกลยุทธ์และแผนธุรกิจตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ปี 2563 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ปรับโครงสร้างการบริหารจัดการ ลดต้นทุนการผลิต การขาย และค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการลงกว่า 60% รวมทั้งลดขนาดองค์กรให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจ ลดปริมาณสินค้าคงคลังลง 132%

อีกทั้งรักษาสภาพคล่องของเงินสดโดยไม่มีหนี้สินกู้ยืม และมีกระแสเงินสดมากกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งผู้บริหารของบริษัทคาดหวังว่าจากการปรับกลยุทธ์ดังกล่าวจะลดผลกระทบจากสภาวะต่างๆ ได้ โดยบริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้รวมปี 2564 แบบค่อยเป็นค่อยไปหรือตั้งเป้าเติบโต 5% (Conservative Growth) และรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 5% โดยมีสัดส่วนรายได้ในประเทศ 62% และต่างประเทศ 38%

พร้อมกันนี้ บริษัทวางทิศทางการดำเนินธุรกิจ 3 กลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนธุรกิจ ประกอบด้วย 1. ปรับโครงสร้างบริหารจัดการ เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ (Re-structure) 2.พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ (Re-model) 3.มุ่งเน้นขยายช่องทางการจำหน่ายที่มีการขยายตัวสูง (Re-new) ปรับกลยุทธ์ตลาดในประเทศ มุ่งเน้นขยายช่องทางการจำหน่ายที่มีการขยายตัวสูง และมีโอกาสในการเติบโต ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้น ไม่จำกัดเฉพาะการเปิดสาขาร้านค้าปลีก เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากฐานลูกค้าในประเทศเพิ่มขึ้น และสามารถสร้างตลาดได้ในระยะยาว

สำหรับแนวโน้มการปรับตัวของธุรกิจ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ตลาดต่างประเทศมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นแต่ยังอยู่ในสัดส่วน 50% จากเป้าหมายที่วางไว้ โดยที่ผ่านมาได้มุ่งเน้นส่งเสริมการตลาดในจีน โดยร่วมมือกับ Distributor ในประเทศจีนออกงานแสดงสินค้า “China International Beauty Expo Shanghai” เมืองเซียงไฮ้ ประเทศจีน รวมทั้งพัฒนาโมเดลการขายในต่างประเทศใหม่ “Product License” เพื่อความสะดวกในการพัฒนาสินค้าใหม่ และการบริหารจัดการในประเทศจีน

ขณะที่ตลาดในประเทศเร่งขยายช่องทางสินค้าอุปโภค (Consumer Product) กลุ่มสินค้า Fast Moving Consumer Goods ( FMCG ) เจาะกลุ่มผู้ค้าส่งเครื่องสำอางรายใหญ่ในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ (Local Distributor) ในปีนี้มีแผนแต่งตั้ง Distributor รายใหญ่ 8 รายที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ ปัจจุบันแต่งตั้งเรียบร้อยแล้วจำนวน  5 ราย ครอบคลุมพื้นที่ 5 เขต 49 จังหวัด คือ เขตภาคเหนือตอนบน  8 จังหวัด, เขตภาคตะวันตก 8 จังหวัด, เขตภาคใต้ 14 จังหวัด, เขตภาคตะวันออก 7 จังหวัด และเขตภาคอีสานตอนบน 12 จังหวัด ส่วน 3 รายที่เหลือคาดว่าจะแต่งตั้งแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/64 พัฒนาสินค้าใหม่ ซึ่งเป็นสินค้าที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในปัจจุบัน และสะดวกในการหาซื้อ โดยตั้งเป้าวางจำหน่าย 16,696 ร้านค้าให้แล้วเสร็จในไตรมาส 2/64 วางเป้าหมายยอดขายปี 2564 เป็นสัดส่วน 9.2% ของรายได้รวม จากเดิมที่ 1.1%

ด้านช่องทางอีคอมเมิร์ซ (E-Commerce) เพิ่มความสามารถการนำเสนอสินค้า โดยสามารถซื้อขายผ่านเว็บไซต์ของบริษัทและระบบแพลตฟอร์มการค้าออนไลน์ (Market Place Platform) ชั้นนำต่างๆ เช่น Lazada, Shopee, Konvy เป็นต้น รวมทั้งพัฒนาและบริหารจัดการโครงสร้างระบบอีคอมเมิร์ซให้มีประสิทธิภาพ วางเป้าหมายผลักดันยอดขายในปี 2564 คิดเป็นสัดส่วน 12.5% ของรายได้รวม จากเดิมที่ 4.5% ล่าสุดบริษัทได้จัดกิจกรรมการตลาดส่งเสริมการขาย ร่วมมือกับ Konvy โดยเชิญ มาริโอ้ เมาเร่อ พรีเซนเตอร์ “เซนทิโอ มิลล์พลัสไวท์เทนนิ่ง เฟเชียล โฟม คิวเทน” มา Live พร้อมทำกิจกรรม เมื่อวันที่ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยมีกระแสตอบรับที่ดี

ทั้งนี้ จากแผนธุรกิจที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2563 ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน คาดการณ์ได้ว่าในช่วงครึ่งปีหลังถ้าสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ลดลง ประชาชนได้รับวัคซีนมากขึ้น คาดว่าผลประกอบการของบริษัทน่าจะมีแนวโน้มปรับตัวกลับมาดีขึ้น

Back to top button